นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรได้ออกคู่มือคำแนะนำการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภงด.) สำหรับผู้มีรายได้จากการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือมีความชัดเจนในระดับหนึ่ง ซึ่งผู้มีรายได้จากการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี ก็ต้องยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ตามกฎหมายในฐานะมีรายได้ ขณะที่ภาษีกำไรจากการซื้อขายหุ้น ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะจัดเก็บเมื่อใด
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า รายได้จากคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดจะต้องนำมายื่นแบบเสียภาษี ซึ่งอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอยู่ที่ 0-35% คิดเป็นอัตราก้าวหน้า อย่างไรก็ตาม กรมสรรพากรจะพยายามทำความเข้าใจกับผู้มีรายได้จากคริปโต ตามคู่มือที่กรมสรรพากรได้ชี้แจงไปแล้ว
ทั้งนี้ คู่มือที่กรมสรรพากรได้จัดทำให้เป็นแนวปฏิบัตินั้น ระบุชัดเจนผู้ที่มีรายได้จากการลงทุนคริปโตเคอร์เรนซีหรือโทเคน ดิจิทัล ต้องยื่นแบบภาษีเงินได้ แต่ไม่ได้ครอบคลุมประเด็นภาษีอื่นๆ เช่น ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยรายละเอียดในคู่มือ ได้แก่ การจัดประเภทเงินได้และผลประโยชน์จากคริปโตเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัลให้ชัดเจน การวัดมูลค่า คริปโตเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล เวลาที่ได้มา หรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา เพื่อให้ผู้เสียภาษีเกิดความเข้าใจและสามารถนำไปเป็นคู่มือประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90/91 โดยผู้เข้าข่ายมีเงินได้และมีหน้าที่ยื่นแบบภาษีเงินได้จากคริปโตเคอร์เรนซี ได้แก่ 1.จำหน่าย จ่ายโอน หรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีหรือโทเคนดิจิทัล 2.ขุดคริปโตเคอร์เรนซี 3.ได้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง 4.ได้รับคริปโต โทเคนดิจิทัล จากการให้หรือได้รับเป็นรางวัล 5.ได้รับผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครอง.