ผมมีโอกาสไปนั่งฟังการสัมมนาใหญ่ที่กระทรวงคมนาคมร่วมกับไทยรัฐกรุ๊ปจัดขึ้นในหัวข้อ “THAILAND FUTURE--SMART&SUSTAINABLE MOBILITY ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน” ที่โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ ถนนรางน้ำ เมื่อวัน พฤหัสบดีที่แล้ว...แบบชนิดตีตั๋วริงไซด์คือได้นั่งใกล้ๆ แถวหน้าสุด ...ได้ยินเสียงและได้เห็นตัวเป็นๆของวิทยากรแต่ละท่านอย่างใกล้ชิด
ที่สำคัญครั้งนี้เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่ผมได้ฟังลีลาการบรรยายหรือแสดงปาฐกถาพิเศษที่มิใช่การอภิปรายในสภาของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนปัจจุบัน คุณ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ
ขอชื่นชมว่าท่านนำเสนอได้ดีมาก...สามารถทำเรื่องยากให้เข้าใจง่าย และทำเรื่องยาวมากให้กระชับลง จนจบได้แบบเกินเวลาเล็กน้อยเท่านั้นเอง...แต่ได้เนื้อหาสาระครบถ้วนทุกประการ
ฟังท่านแล้วก็จับใจความได้ว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ท่านไปนั่งที่กระทรวงนี้...ท่านได้ดำเนินการไปครบถ้วน ทั้งในเรื่องถนน เรื่องราง เรื่องทางน้ำ และเรื่องทางอากาศ รวมทั้งสิ้น 4 มิติที่เป็นภารกิจหลักของกระทรวงคมนาคม
โดยเฉพาะเรื่อง “ราง” หรือเรื่องที่เกี่ยวกับรถไฟฟ้าทั้งใน กทม. และรอบๆ กทม. ตลอดจนรถไฟทางคู่ไปจนถึงรถไฟความเร็วสูง ผมฟังแล้วตื่นเต้นมาก ที่ทราบว่ามีการก่อสร้างแล้วเสร็จไปเยอะกว่าที่คิดไว้
อย่างเช่นรถไฟฟ้ากรุงเทพฯปริมณฑล ซึ่งมีทั้งหมด 14 สายนั้น สามารถเปิดบริการได้แล้ว 6 สาย อยู่ระหว่างก่อสร้าง 4 สาย และน่าจะเปิดใช้ได้อีกบางสายในเร็วๆนี้...ส่วน 4 สายสุดท้ายอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบลงทุนและจะเปิดประมูลต่อไป
หรืออย่างเช่น รถไฟ “ทางคู่” ที่พูดกันมานาน และลงมือก่อสร้างมาบ้างในอดีต ท่านก็มาเร่งรัดจนแล้วเสร็จไปหลายๆเส้นทาง โดยเฉพาะลอตแรกนี้ เสร็จไปประมาณ 1,111 กิโลเมตรทั่วประเทศ
โดยเฉพาะเส้นทาง “ลพบุรี-ปากน้ำโพ” ก็เสร็จแล้วเช่นกัน ทำให้คนปากน้ำโพอย่างผมที่เคยนั่งรถไฟสาย “หวานเย็น” ปากน้ำโพ-กรุงเทพฯ เป็นประจำเมื่อ 40-50 ปีก่อน อยากจะลองไปนั่งดูสักครั้งว่ารถไฟ “ทางคู่” ที่ไม่ต้องรอหลีกและไม่หวานเย็นเส้นนี้ จะเป็นอย่างไร
ผมคงไม่มีเนื้อที่ที่จะกล่าวถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีนและโครงการด้านถนนมอเตอร์เวย์ต่างๆ รวมไปถึงโครงการทางอากาศ เช่น สนามบิน และโครงการ แลนด์บริดจ์ ระนอง ชุมพร ฯลฯ...ท่านที่สนใจในรายละเอียด ลองเข้าไปเปิดดูคำบรรยายของท่านในยูทูบ ที่ผมเข้าใจว่าคงจะมีการบันทึกไว้ตั้งแต่ต้นจนจบก็แล้วกัน
รัฐมนตรี ศักดิ์สยาม สรุปในตอนท้ายว่า เฉพาะปี 2565 หรือปีนี้ จะมีเม็ดเงินลงทุนจากโครงข่ายคมนาคมทุกโครงข่ายไม่ตํ่ากว่า 1.4 ล้านล้านบาท และเท่าที่กระทรวงลงนามไปก็กว่า 516,000 ล้านบาทแล้ว
จะจ้างงานได้มากกว่า 154,000 คน ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเฉพาะปี 2565 ปีเดียวกว่า 400,000 ล้านบาท หรือ 2.35 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีเลยทีเดียว
ฟังทั้งหมดแล้วก็จะเห็นได้ว่า กระทรวงคมนาคมเป็นกระทรวงที่ทำงานหนักมากกระทรวงหนึ่ง และก็ได้ลงทุนอย่างมากมายมหาศาลในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ด้วยโครงการใหญ่ๆหลายโครงการ
ประเด็นที่ผมอดห่วงใยมิได้ก็ตรงที่เราวางแผนกันไว้และลงมือดำเนินการไปบ้างแล้ว ในช่วงเวลาที่สถานการณ์เศรษฐกิจกำลังรุ่งเรืองทั่วโลก...โดยเฉพาะไทยเรานั้นก็รุ่งเรืองมาก ทั้งการค้า การขาย การลงทุน และการท่องเที่ยว กระฉูดมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา
แต่เมื่อเกิดโควิด-19 ระบาดขึ้นแล้ว...สถานการณ์ของโลกดูเหมือน จะเปลี่ยนไปมาก ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
โครงการที่เราวางแผนไว้และจะเดินหน้าต่อไปนั้น จะมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์ตามที่คาดไว้หรือไม่ เป็นเรื่องที่เดาไม่ถูกเลยจริงๆ
ลำพังแค่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) แค่โครงการเดียวผมก็เป็นห่วงมากว่าจะมีคนมาใช้สนามบินทั้ง 3 แห่ง และรถไฟเชื่อมสนามบินทั้ง 3 เหมือนที่คาดไว้หรือไม่
ก็เอาเถิด...เราเดินหน้ามาแล้วก็ต้องเดินต่อไป...ผมก็ขอแสดงความห่วงใย และให้กำลังใจแก่ท่านรัฐมนตรีตลอดจนข้าราชการทุกท่าน ที่ทุ่มเททำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยไว้ ณ ที่นี้อีกครั้ง
60 ปีที่ผ่านมา นับแต่แผนพัฒนาฉบับที่ 1 กระทรวงคมนาคมเดินหน้ามาอย่างถูกต้องตลอด...ก็หวังว่าอีก 30 ปีจากนี้ไป ก็คงจะเดินหน้าได้อย่างถูกต้องเช่นกัน...ผมเอาใจช่วยเต็มที่นะครับ.
“ซูม”