นางมนัสนิตย์ จิรวัฒน์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเดือน พ.ย.64 กรมออกใบอนุญาต ส่งออกมากถึง 825,754 ตัน สูงสุดในรอบปี ทำให้เดือน ม.ค.-พ.ย.64 ส่งออกแล้ว 5.41 ล้านตัน และทั้งปี 64 จะส่งออกได้ตามเป้าหมาย 6 ล้านตันแน่นอน “สาเหตุที่คำสั่งซื้อข้าวไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เป็นเพราะค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ราคาส่งออกข้าวไทยแข่งขันกับคู่แข่งได้ดีขึ้น โดยปริมาณส่งออกเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นมากจากเดือน ต.ค. ที่ส่งออก ได้ 773,823 ตัน มูลค่า 12,188 ล้านบาท”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้น นอกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ราคาข้าวไทยแข่งขันได้ดีขึ้นแล้ว ผู้นําเข้าในแอฟริกา ตะวันออกกลาง และเอเชีย เร่งซื้อเพื่อเตรียมไว้ใช้ในช่วงคริสต์มาส ปีใหม่ และตรุษจีนปีหน้า แต่ข้าวหอมมะลิ การส่งออกยังไม่ดีขึ้นนัก แม้ราคาต่ำกว่าปีก่อน เพราะยังขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ค่าระวางเรือสูงขึ้น และความไม่แน่นอนของเรือที่จะเข้ามารับข้าวในไทย ทําให้การส่งมอบสินค้าไม่เป็นไปตามที่กำหนด
ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวเปลือกในประเทศเพิ่มขึ้นแล้ว โดยข้าวเปลือกเจ้า ขึ้นมาอยู่ที่ตันละกว่า 8,000 บาท ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละกว่า 10,000 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละเกือบ 10,000 บาท เป็นผลจากการส่งออกได้มากขึ้น, กรมเปิดจุดรับซื้อข้าว และตลาดนัดข้าวเปลือกกว่า 100 จุด ในกว่า 60 จังหวัด เพื่อเร่งให้โรงสีซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร รวมถึงผลจากโครงการจับคู่หมู-ข้าว ที่กรมขอให้ผู้เลี้ยงหมู ผู้ผลิตอาหารสัตว์ ซื้อข้าวเปลือก และข้าวสารคุณภาพอาหารสัตว์จากเกษตรกร เพื่อนำมาทำอาหารสัตว์ ซึ่งนอกจากช่วยลดต้นทุนให้ผู้เลี้ยงหมูแล้ว ยังเป็นการเร่งซื้อข้าวจากเกษตรกร และดันราคาให้ขยับขึ้น ล่าสุดจับคู่ซื้อขายกันแล้วเกือบ 100,000 ตัน จากเป้าหมายเบื้องต้น 150,000 ตัน
ด้าน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลที่ผ่านๆมาสิ้นสุดไปหลายปีแล้ว แต่ภาระงบประมาณยังคงมีอยู่ ซึ่งธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) รายงานว่า ปีงบ 65 สำนักงบประมาณตั้งงบชำระหนี้ให้ ธ.ก.ส. 69,000 ล้านบาท และปัจจุบันรัฐบาลยังมีภาระหนี้โครงการ ดังกล่าวที่ต้องชำระคืนให้ ธ.ก.ส. 100,000 ล้านบาท คาดว่าสำนักงบจะตั้งงบเพื่อจ่ายหนี้ปีละ 10-20% ของงบประมาณรายจ่าย ซึ่งจะใช้เวลา 3-5 ปี จึงจะชำระหมด ส่วนองค์การคลังสินค้า (อคส.) เตรียมนำข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลจากโครงการรับจำนำลอตสุดท้ายที่อยู่ในความดูแลของ อคส. 220,000 ตัน ออกมาระบายให้หมดภายในเดือน ก.ย.65 จากนั้นจะปิดบัญชีโครงการ และจะทราบว่ามีผลขาดทุนเท่าไร เบื้องต้นน่าจะมากกว่า 500,000 ล้านบาท.