ชง นบข.ขายข้าวเน่า 2.2 แสนตัน เล็งปิดบัญชีจำนำ-รัฐขาดทุนกว่า 5 แสนล้าน

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

ชง นบข.ขายข้าวเน่า 2.2 แสนตัน เล็งปิดบัญชีจำนำ-รัฐขาดทุนกว่า 5 แสนล้าน

Date Time: 9 พ.ย. 2564 06:23 น.

Summary

  • อคส.เตรียมชง “นบข.” เร็วๆนี้ ไฟเขียวขายข้าวเน่าสต๊อกรัฐที่เหลือ 2.2 แสนตัน ให้หมดในเดือน ก.ย.65 หลังขายหมด ทำปิดบัญชีโครงการรับจำนำได้

Latest

“พิชัย” เปิดเวทีชวนนักลงทุนเข้าไทย

อคส.เตรียมชง “นบข.” เร็วๆนี้ ไฟเขียวขายข้าวเน่าสต๊อกรัฐที่เหลือ 2.2 แสนตัน ให้หมดในเดือน ก.ย.65 หลังขายหมด ทำปิดบัญชีโครงการรับจำนำได้ และรู้ผลขาดทุน เบื้องต้นคาดกว่า 5 แสนล้านบาท เหตุมีทุจริต อคส.ส่งฟ้องแล้ว 1,143 คดี รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท ยังไม่รวมผลขาดทุนจากการขายข้าวราคาต่ำ และค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก

นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ในเร็วๆนี้ อคส.จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน พิจารณาอนุมัติให้ อคส.ระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และข้าวเปลือกนาปรัง ของรัฐบาลที่ผ่านๆมา ที่ล่าสุดยังเหลือข้าวสารในส่วนที่ อคส.ดูแลอีกประมาณ 220,000 ตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวเหนียว และข้าวหอมมะลิ และเป็นข้าวเสื่อมสภาพที่คนและสัตว์ไม่สามารถบริโภคได้แล้ว ต้องขายเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่คนและสัตว์บริโภค โดยหาก นบข.อนุมัติแล้ว อคส.ต้องใช้เวลาอีกกว่า 6 เดือนเพื่อดำเนินการประมูล และส่งมอบให้ผู้ชนะประมูล แต่ตั้งเป้าหมายระบายให้หมดภายในเดือน ก.ย.65 หลังจากเปิดระบายหมดแล้ว จะทำให้สามารถปิดบัญชีโครงการรับจำนำได้ และจะทราบว่ารัฐบาลมีผลขาดทุนเท่าไร เบื้องต้นน่าจะขาดทุนมากกว่า 500,000 ล้านบาท หรืออาจใกล้เคียง 1 ล้านล้านบาทด้วยซ้ำ

“คาดว่าอาจมีผลขาดทุนมากกว่า 500,000 ล้านบาท เพราะแค่การทุจริตในโครงการจำนำข้าวเปลือกนาปี และนาปรังปีการผลิต 54-57 ก็ทำให้รัฐเสียหาย และ อคส.ส่งฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้วในช่วงรัฐบาล คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) รวม 1,143 คดี ราว 500,000 ล้านบาทแล้ว ยังไม่รวมผลขาดทุนจากในช่วงที่ผ่านมา รัฐได้เปิดประมูลข้าวสารในสต๊อก ซึ่งขายราคาต่ำกว่าราคารับจำนำอีก ยิ่งข้าวเก่าเก็บ ยิ่งขายได้ราคาต่ำ กิโลกรัมละ 1 บาทก็ยังมี นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆที่รัฐต้องจ่ายอีก เช่น ค่าเช่าคลังสินค้าเพื่อฝากเก็บข้าวสารในสต๊อก เป็นต้น”

สำหรับคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว 1,143 คดีนั้น ล่าสุดคดีอยู่ในชั้นศาลปกครองกลาง 1,136 คดี และศาลปกครองสูงสุด 4 คดี ส่วนใหญ่เป็นคดีเกี่ยวกับข้าวสารเสื่อมสภาพไปจากเดิม หรือข้าวสูญหายไปจากสต๊อก ส่วนมันสำปะหลังในสต๊อกรัฐบาลที่ได้จากโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ปี 51/52, ปี 54/55 และปี 56/57 อคส.ได้ทยอยเปิดประมูลต่อเนื่องเช่นกัน และเพิ่งระบายเสร็จเดือน ก.ย.64 ขณะนี้อยู่ระหว่างสรุปผลขาดทุน คาดอาจขาดทุนหลักหมื่นล้านบาท เพราะที่ผ่านมา อคส.พบการทุจริต และส่งฟ้องร้องดำเนินคดีแล้วกว่า 200 คดี โดยอยู่ในชั้นศาลปกครองกลาง 161 คดี ความเสียหาย 18,723 ล้านบาท คดีถึงที่สุดแล้ว 14 คดี ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้ อคส. 4,883 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงรัฐบาล คสช. ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี มีข้าวสารในสต๊อกรัฐจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี และนาปรังของรัฐบาลก่อนหน้า 17.76 ล้านตัน ซึ่งรัฐบาล คสช.ได้ตรวจสอบคุณภาพข้าวทั้งหมด เพื่อเปิดประมูล โดยแบ่งเป็น 3 เกรด คือ เกรดเอ ข้าวคุณภาพดีสำหรับคนบริโภค ซึ่งเปิดให้ผู้ส่งออก ผู้ค้าข้าวสารบรรจุถุง ประมูลเพื่อทำข้าวถุงขายในประเทศ และส่งออก, ข้าวเกรดบี คุณภาพลดลง เปิดประมูลสำหรับอุตสาหกรรมคนและสัตว์ เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยว อาหารสัตว์ และข้าวเกรดซี ข้าวเสื่อมที่คนและสัตว์บริโภคไม่ได้ ประมูลเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม เช่น ทำปุ๋ย

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ประมูลข้าวตั้งแต่ปี 58 และประมูลหมดปี 61 ได้เงินคืนกระทรวงการคลังราว 146,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภายหลังการระบายออกจนหมดแล้ว ยังมีข้าวสารที่อยู่ในความดูแลของอคส.ที่มีปัญหาการรับมอบอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งอคส.ทยอยนำมาเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง และ ล่าสุด เหลืออีกราว 220,000 ตัน ตั้งเป้าหมายจะเปิดประมูลให้เสร็จสิ้นเดือน ก.ย.65.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ