นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า แม้จะเกิดภาวะวิกฤติโควิด-19 ซึ่งกระทบต่อรายได้ของประชาชน แต่กระทรวงการคลัง และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ยังคงส่งเสริมและสนับสนุนสร้างแรงจูงใจให้เกิดการออม เพื่อสร้างวินัยการเงินให้กับตัวเองและครอบครัว ให้มีเงินใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินและความจำเป็นในอนาคต และใช้ในยามเกษียณ ถ้าเราออมทุกวัน จนเกิดความเคยชิน เป็นวินัยการออม จะเป็นผลดีต่อประชาชนเอง
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการ กอช. กล่าวว่า บอร์ด กอช. เห็นชอบ แก้ไข พ.ร.บ. กองทุนการออมแห่งชาติ เปิดให้แรงงานตาม มาตรา 40 กลุ่มอาชีพอิสระ สมัครเข้าเป็นสมาชิก กอช. เพื่อส่งเสริมเงินออมในระยะยาว และยังขยายเวลาการเป็นสมาชิก กอช.ถึง 65 ปีด้วย เนื่องจากคนอายุมากกว่า 60 ปี ยังต้องการออมเงินเพื่อใช้ในวัยเกษียณและออมเงินไว้ใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น กรณีตกงานควรมีเงินสำรองใช้จ่ายได้นาน 3-6 เดือนระหว่างหางานใหม่ จากปัจจุบันพบว่ามีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายเพียง 1 เดือนเท่านั้น จึงต้องเร่งส่งเสริมการออมเพื่อกรณีฉุกเฉิน
ทั้งนี้ สมาชิก กอช.สามารถสมัครออมเงินได้ตั้งแต่อายุ 15-60 ปี ส่งเงินออมสะสมตั้งแต่ 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี โดยรัฐจะจ่ายเงินสมทบให้ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปตามช่วงอายุของสมาชิก ดังนี้ ช่วงอายุ 15-30 ปี รัฐสมทบให้ 50% ของเงินออมแต่ละครั้ง รวมกันทั้งปีไม่เกิน 600 บาท ช่วงอายุ 30-50 ปี รัฐสมทบให้ 80% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันทั้งปีไม่เกิน 960 บาท และช่วงอายุ50-60 ปี รัฐสมทบให้ 100% ของเงินออมแต่ละครั้ง โดยรวมกันไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี “ปัจจุบัน กอช.มีสมาชิกอยู่ราว 2.45 ล้านคน เงินกองทุนมี 8,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนก็ต้องบริหารจัดการเงินให้มีรายได้เพิ่ม ตามหลักการและเงื่อนไขของกองทุนด้วยการนำไปลงทุนในตลาดหุ้น แต่ไม่เกิน 5% เพื่อมิให้กลายมาเป็นภาระการคลัง ขณะเดียวกองทุนก็ต้องเตรียมเงินไว้กรณีสมาชิกกองทุนต้องการเงินฉุกเฉินด้วย”.