ปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท ยื่นหนังสือลาออกจากราชการ หลังมีข่าวหลุดว่าถูกโยกไปนั่งผู้ตรวจราชการคมนาคม เจ้าตัวเฉลยกลับไปรักษาสุขภาพ
เมื่อวันที่ 16 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ ครม. เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอขอโยกย้ายสับเปลี่ยนข้าราชการระดับสูงหมุนเวียน จำนวน 3 ราย ซึ่ง 1 ใน 3 รายคือ นายปฐม เฉลยวาเรศ อธิบดีกรมทางหลวงชนบท จากตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวงชนบท ให้มาดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคมนั้น
ทั้งนี้ จากคำสั่งดังกล่าวนั้น ทำให้ นายปฐม ได้ตัดสินใจที่จะเขียนหนังสือขอลาออกจากราชการ โดยหนังสือดังกล่าว ได้เขียนที่กรมทางหลวงชนบท ลงวันที่ 14 ก.ย.64 แจ้งความประสงค์ขอลาออกจากราชการเพราะมีปัญหาด้านสุขภาพ จึงขอลาออกจากราชการตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. 64
ล่าสุด นายปฐม กล่าวยืนยันว่า ได้ยื่นหนังสือลาออกจริง โดยให้ทางเจ้าหน้าที่ส่งที่กระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งการลาออกนั้นส่วนหนึ่งมีปัญหาทางด้านสุขภาพจริงๆ เนื่องจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ไปตรวจสุภาพ พบว่าร่างกายมีโรคประจำตัว และมีอาการรุนแรงขึ้นทั้งเรื่องของหัวใจ ความดันสูง ดังนั้นจึงใช้โอกาสนี้ต้องกลับไปรักษาตัวและพักผ่อน ประกอบกับจะได้กลับมาดูแลครอบครัวจริงจัง เพราะคุณพ่อก็อายุมาก ขณะที่ลูกๆ ก็ยังเด็กอยู่
ส่วนการทำงานตลอดอายุราชการกว่า 37 ปี ยอมรับว่าทุ่มเทการทำงานมาโดยตลอด พอมาอยู่ระดับผู้บริหารสูงสุดของกรมทางหลวงชนบทก็ได้ปูพื้นฐานภายในทางหลวงชนบท หลายๆ อย่างให้แข็งแกร่ง เอาระบบเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนร่วมในการทำงาน เนื่องจากในปีหน้า 65 ผู้บริหารระดับผู้อำนวยการสำนักต้องเกษียณอายุราชการรวมกว่า 10 คน ในขณะที่เจ้าหน้าข้าราชการ พนักงานของทางหลวงชนบทรวมกันพันกว่าคน
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ยังไม่ทราบเรื่องการลาออกของอธิบดีกรมทางหลวงชนบท ก่อนหน้า นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้รายงานว่า อธิบดีกรมทางหลวงชนบทจะยื่นหนังสือลาพักร้อนเท่านั้น ส่วนการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่มีอยู่ การมาดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีงานทำ ใครทำงานได้ก็มอบหมายหน้าที่ให้ทำทุกคน
เมื่อมอบนโยบายอะไรออกไป การทำงานที่จะนำนโยบายไปสู่การปฎิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรม เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการ เพราะประโยชน์ของผู้ที่จะได้รับคือ ประชาชน เป็นหลัก ส่วนที่ว่าจะมีการยับยั้งใบลาออกของนายปฐม หรือไม่นั้น ในเรื่องนี้ขอให้ ปลัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ดำเนินการ เพราะหนังสือลาออกก็ยังไม่เห็น และยังไม่มีใครรายงานแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่ง ระบุว่า ระหว่างที่ นายปฐม อยู่ในตำแหน่งก็พยายามที่จะนำนโยบายของ รมว.คมนาคม โดยเฉพาะในเรื่องการนำยางมาแปรรูปทำแบริเออร์ยางครอบคอนกรีต และโครงการติดตั้งเสาหลักนำทางยางธรรมชาติ (Rubber Guide Post : RGP ) รวมถึงเดินหน้าโครงการใช้ความเร็วของรถไม่เกิน 120 กม.ต่อชั่วโมงบนถนนทางหลวงชนบท มาสู่การปฏิบัติ โดยทั้ง 2 โครงการหลักได้มีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องแต่อาจจะมีติดขัด และการดำเนินการตามนโยบายทั้ง 2 นโยบายสำคัญ อาจจะไม่คืบหน้าตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ถูกโยกย้าย