สรรพากร ยืนยัน การส่งหนังสือเตือนผู้ค้าขาย ไม่ได้มีเป้าหมายเรียกเก็บภาษี

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

สรรพากร ยืนยัน การส่งหนังสือเตือนผู้ค้าขาย ไม่ได้มีเป้าหมายเรียกเก็บภาษี

Date Time: 30 ส.ค. 2564 12:09 น.

Video

ล้วงลึกอาณาจักร “PCE” สู่บริษัทมหาชน ปาล์มครบวงจร | On The Rise

Summary

  • "กรมสรรพากร" ยืนยันการส่งหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการ ไม่ได้มีเป้าหมายจะเรียกเก็บภาษีที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลโดยเฉพาะ แต่เป็นการแจ้งว่ามีเงินได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และมีหน้าที่ต้องยื่น

Latest


"กรมสรรพากร" ยืนยันการส่งหนังสือแจ้งเตือนผู้ประกอบการ ไม่ได้มีเป้าหมายจะเรียกเก็บภาษีที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลโดยเฉพาะ แต่เป็นการแจ้งว่ามีเงินได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และมีหน้าที่ต้องยื่นแบบฯ เท่านั้น

ตามที่มีข่าวในสื่อออนไลน์ว่า นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ระบุมีข้อกังวลเรื่องภาษีของผู้ค้าขาย เนื่องจากกรมสรรพากรส่งแบบประเมินภาษีปี 2563 ให้พ่อค้าแม่ค้าที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล เช่น "คนละครึ่ง" แต่ได้รับในปี 2564 ทำให้เข้าใจผิดว่าถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง อีกทั้งโครงการประเภทนี้เป็นโครงการระยะสั้น เป้าหมายคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงไม่ควรประเมินรายได้ภาษีในส่วนนี้นั้น

ล่าสุด วันที่ 30 ส.ค. 2564 นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ดังนี้

1. ในการประกอบกิจการในปี พ.ศ.2563 ผู้ประกอบกิจการที่เป็นบุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะประกอบกิจการที่เข้าร่วมโครงการของรัฐหรือไม่ หากผู้ประกอบการมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ก็มีหน้าที่ต้องนำรายได้มายื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียเงินได้บุคคลธรรมดาภายในวันที่ 31 มี.ค. 2564 อย่างไรก็ดี กรมสรรพากรได้ขยายเวลาการยื่นแบบฯ จากวันที่ 31 มี.ค. 2564 ไปเป็นวันที่ 30 มิ.ย. 2564 เพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องของผู้ประกอบการ

2. กรมสรรพากรได้ทำการส่งจดหมายแจ้งเตือนผู้เงินได้ ให้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไม่ให้หลงลืม เพื่อผู้ประกอบการจะได้ไม่มีภาระเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม กรณียื่นแบบภาษีเงินได้ล่าช้ากว่ากำหนด

3. การเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นการประเมินตนเองของผู้ประกอบการ ซึ่งมีหน้าที่นำรายได้ที่ได้รับจากการประกอบการกิจการมายื่นเสียภาษีตามข้อเท็จจริง ส่วนพยานหลักฐานที่จะพิสูจน์การมีรายได้ ก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงของการประกอบกิจการ เช่น ผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องมีหลักฐาน การออกใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน เป็นต้น สำหรับหลักฐานบัญชีเงินฝากธนาคาร เป็นเพียงข้อเท็จจริงหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้ประกอบการรับรู้ถึงรายได้ของตนเองเท่านั้น

นอกจากนั้น กรมสรรพากรได้พัฒนากระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการจดทะเบียน ยื่นแบบภาษี ชำระภาษี และคืนภาษี ทุกขั้นตอนผ่านระบบ Tax from Home ซึ่งเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ผ่านทางเว็บไซด์กรมสรรพากร www.rd.go.th

4. กรมสรรพากร ขอยืนยันว่า การที่กรมฯ ส่งหนังสือไปแจ้งเตือนผู้ประกอบการ ไม่ได้มีเป้าหมายจะเรียกเก็บภาษีจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลโดยเฉพาะแต่อย่างใด แต่เป็นการแจ้งเตือนผู้ประกอบการว่าท่านมีเงินได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดและมีหน้าที่ต้องยื่นแบบฯ เท่านั้น และไม่ได้เป็นการประเมินภาษีแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร 1161.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์