นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การส่งเสริมการลงทุน 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) มีโครงการขอรับการส่งเสริม 801 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน ของปีที่ผ่านมา 14% มูลค่า 386,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 158% เป็นผลมาจากโครงการขนาดใหญ่ในกิจการพลังงานไฟฟ้าที่ยื่นขอมากถึง 198 โครงการ มูลค่า 120,814 ล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีมูลค่าลงทุนสูงสุด 5 อันดับแรก คือเครื่องใช้ไฟฟ้า 60,970 ล้านบาท, อุตสาหกรรมการแพทย์ 43,040 ล้านบาท, ปิโตรเคมี 28,160 ล้านบาท, การเกษตรและแปรรูปอาหาร 23,170 ล้านบาท, เทคโนโลยีชีวภาพมีมูลค่าเงินลงทุน 20,720 ล้านบาท
“หากพิจารณาด้านอัตราการเติบโตในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ พบว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเติบโตขึ้นสูงถึง 850% หรือ 9.5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเกิดจากการลงทุนขนาดใหญ่จากกลุ่มทุนสหรัฐฯ ในกิจการผลิต Polylactic Acid (PLA) ที่เป็นพอลิเมอร์ชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ กลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์ ที่เติบโต 3.3 เท่า จากความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อรับมือกับโควิด-19”
สำหรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริม 403 โครงการ รวม 278,658 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และสูงกว่าตลอดทั้งปีที่ผ่านมาที่มีเพียง 171,160 ล้านบาท ประเทศที่ยื่นขอรับส่งเสริมมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่นมีมูลค่า 42,773 ล้านบาท สหรัฐฯ 24,131 ล้านบาท และจีน 18,615 ล้านบาท และในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีการขอรับส่งเสริม 232 โครงการ เงินลงทุนรวม 126,640 ล้านบาท โดยจังหวัดระยองมีการลงทุน สูงสุด 64,350 ล้านบาท.