นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ว่า มีการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ 3,445 ราย เพิ่มขึ้น 6.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มี 3,248 ราย โดยมีทุนจดทะเบียน 8,146 ล้านบาท
ประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์, ก่อสร้างอาคารทั่วไป, ขนส่ง ขนถ่ายสินค้า และผู้โดยสาร โดยมีการจัดตั้งใหม่สูงสุด ที่ชลบุรี 2,357 ราย รองลงมาเป็นระยองและฉะเชิงเทรา ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ในอีอีซี มีนิติบุคคลคงอยู่ 75,682 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 1.99 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นชลบุรี 54,829 ราย ระยอง 14,638 ราย ฉะเชิงเทรา 6,215 ราย
สำหรับการลงทุนของต่างชาติในนิติบุคคลไทย ในอีอีซีมีมูลค่า 817,810 ล้านบาท คิดเป็น 40.95% ของเงินลงทุนทั้งหมดในไทย โดยญี่ปุ่นลงทุนมากสุด 384,682 ล้านบาท คิดเป็น 47.04% จีน 97,084 ล้านบาท คิดเป็น 11.87%, สิงคโปร์ 44,541 ล้านบาท คิดเป็น 5.45% โดยลงทุนในระยองสูงสุด 430,733 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้การจัดตั้งธุรกิจใหม่ในอีอีซีเพิ่มขึ้น มาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และภาคการส่งออกที่ฟื้นตัว คาดว่า การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในพื้นที่อีอีซี โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะอยู่ที่ 2,900-3,000 ราย และทั้งปีนี้ อยู่ที่ 6,300-6,500 ราย.