นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า หากประโยชน์ของโครงการ “ทัวร์เที่ยวไทย” กระจายไม่ทั่วถึงทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนำเที่ยว อาจยุบโครงการทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งเตรียมเปิดให้นักท่องเที่ยวจองสิทธิ 1 ล้านสิทธิเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 คลี่คลาย เพราะหนึ่งในจุดประสงค์ของโครงการต้องการให้มัคคุเทศก์ ธุรกิจรถเช่าหรือรถบัสนำเที่ยว และอื่นๆ ได้ประโยชน์จากโครงการนี้
ด้วย หลังจากได้รับข้อมูลจากสมาชิกของสมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) ว่า โครงการเที่ยวปันสุข ที่รัฐบาลใช้เงินกู้โควิด-19 สนับสนุนให้อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.)ได้เดินทางท่องเที่ยว มีบริษัททัวร์ที่ร่วมโครงการนี้ไม่กี่แห่ง และไม่กระจายทั่วถึงทุกกลุ่มในธุรกิจท่องเที่ยว
ทั้งนี้ จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพิ่มเติมว่า หากประโยชน์จากโครงการทัวร์เที่ยวไทยตกไม่ถึงทุกกลุ่มจริงๆ อาจพิจารณายกเลิกโครงการและส่งคืนงบประมาณไปให้
กับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทนำเที่ยวก็อาจทักท้วงว่าเขาขาดทุนหรืออยู่ในสถานะที่ลำบากเหมือนกัน เพราะฉะนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกันกระจายเม็ดเงินโครงการทัวร์เที่ยวไทยให้ได้มากที่สุด ให้ทุกกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเที่ยวเดินต่อไปได้
“อยากให้ สปข.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับค่าเช่ารถนำเที่ยวต่อวันและรายละเอียดอื่นๆเพิ่มเติม ก่อนจะประกาศให้มีการลงทะเบียนจองสิทธิโครงการทัวร์เที่ยวไทย หากเริ่มโครงการนี้แล้วพบความไม่เป็นธรรม ธุรกิจรถนำเที่ยวและอื่นๆที่เกี่ยวข้องไม่ได้ประโยชน์ ผมอาจยุบโครงการทัวร์เที่ยวไทย เนื่องจากประโยชน์จะตกแก่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้ ผลประโยชน์ต้องกระจายออกไปแก่ทุกกลุ่ม เพราะนี่คือเงินที่รัฐสนับสนุนและเชิญชวนให้คนไทยได้ท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยว จึงเป็นที่มาว่าทำไมโครงการทัวร์เที่ยวไทยต้องมีมัคคุเทศก์ในการนำเที่ยว และต้องมีการใช้รถนำเที่ยวด้วย”.