พาณิชย์เปิดแผนเร่งรัดส่งออกผลไม้ไทย

พาณิชย์ เปิดแผนเร่งรัดผลักดันส่งออกผลไม้ไทยปี 64 ทั้งขายผ่านออนไลน์-ออฟไลน์ พร้อมจับมือห้างสรรพสินค้าในตลาดเป้าหมาย จัดงานประชาสัมพันธ์ต่อเนื่องตลอดทั้งปี กำชับผู้ผลิต ผู้ส่งออก คุมเข้มทุกขั้นตอน สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภค ผลไม้ไทยปลอดปนเปื้อนโควิด-19

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงแผนการเร่งรัดส่งเสริมการส่งออกผลไม้ไทยในปี 2564 ซึ่งเป็น 1 ใน 16 มาตรการบริหารจัดการผลไม้เชิงรุกในปี 2564 ที่กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการร่วมกับพันธมิตร ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ว่า ได้รับรายงานจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศว่า ในปีนี้ได้วางแผนจัดโครงการและกิจกรรมเพื่อเร่งการส่งออกผลไม้ตลอดทั้งปี และผลักดันให้มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นจากปีก่อน

โดยจะมีทั้งโครงการจับคู่เจรจาการค้าผ่านระบบออนไลน์ของสินค้าผลไม้สดและแปรรูป ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2564 เป็นต้นมาจนถึงล่าสุดสิ้นเดือนเม.ย.2564 สามารถนัดหมายเจรจาได้แล้ว 392 นัดหมาย มีมูลค่าการซื้อขายรวม 2,200 ล้านบาท และยังมีบันทึกข้อตกลงการซื้อขายผลไม้ส่งออก ระหว่างผู้ซื้อจากต่างประเทศ และผู้ขายของไทย รวมมูลค่า 1,287 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ยังได้จัดโครงการ “Taste of Thailand 2021” เพื่อส่งเสริมการขายผลไม้ไทยในเกาหลีใต้ ร่วมกับห้างสรรพสินค้าฮุนได ที่มีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 16 สาขาทั่วประเทศ ในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.2564 โดยมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ การเปิดตัว “มะม่วงมหาชนก” หรือ Rainbow Mango เป็นครั้งแรก หลังจากที่เกาหลีใต้อนุญาตให้นำเข้ามะม่วงพันธุ์นี้จากไทยได้เมื่อเดือนม.ค.2564 ซึ่งมีมูลค่าสั่งซื้อประมาณ 22.4 ล้านบาท

“มะม่วงมหาชนก มีแนวโน้มได้รับความนิยม เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ มีสารแคโรทีนอยด์ และสารแทนโทไซยานินที่ช่วยต้านโรคมะเร็ง และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ นอกจากนี้ ยังมีกลิ่นหอม รสชาติหวาน มีสีสันหลากสี ตามระดับความสุก ทำให้เป็นที่น่าสนใจมาก และยังมีราคาย่อมเยา จึงเป็นโอกาสดีที่ไทยจะส่งออกมะม่วงมหาชนกไปเจาะตลาดเกาหลีใต้ให้ได้มากขึ้น จากเดิมที่ผู้บริโภคเกาหลีใต้นิยมมะม่วงน้ำดอกไม้ของไทยเป็นอันดับ 1 อยู่แล้ว”

ภายในงานดังกล่าว ยังได้จัดประชาสัมพันธ์ผลไม้ไทยชนิดอื่นๆ ที่เป็นที่นิยม และชื่นชอบของผู้บริโภคเกาหลีใต้ เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ มังคุด และทุเรียน เป็นต้น อีกทั้งห้างฮุนได ยังได้ขายผลไม้ไทยผ่านช่องทางออนไลน์ของห้าง 3 แพลตฟอร์ม คือ เช่น H-Mall, Food Specialized, Online Mall รวมถึงได้จัดจำหน่ายแบบ Live stream ด้วย นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผลไม้ไทยในญี่ปุ่น ร่วมกับห้างสรรพสินค้าและซุปเปอร์มาร์เก็ต AEON, Donki, Itoyokado Store และ Beisia 150 สาขา ในเมืองรองที่มีศักยภาพ ระหว่างเดือนเม.ย.-ส.ค.2564 คาดว่าจะมีมูลค่าสั่งซื้อประมาณ 90 ล้านบาท และจัดงาน Thai Fruits Golden Months ในห้างสรรพสินค้า และซุปเปอร์มาร์เก็ตในจีน ตามเมืองสำคัญอย่าง เซี่ยงไฮ้ กว่างโจว คุนหมิง และเมืองใหม่ๆ ที่เป็นตลาดศักยภาพ เช่น ฉางซา ฉงชิ่ง หนานชาง รวม 13 เมือง จำนวน 14 ครั้ง โดยจะเริ่มดำเนินเดือนก.ค.นี้ เป็นต้นไป

สำหรับประเด็นสำคัญคือ การป้องกันการปลอดโควิด-19 นั้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการส่งออกทุเรียน มังคุดแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ประกอบการค้าผลไม้ยุคใหม่ และสมาคมทุเรียนไทย รวมถึงกลุ่มผู้ส่งออกผลไม้ในภาคตะวันออก ส่งเสริมมาตรการป้องกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

โดยให้ความสำคัญตั้งแต่การเก็บทุเรียนจากสวนที่มีมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices หรือการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี) ขนส่งไปยังล้งที่มีมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice หรือมาตรฐานการผลิต) การฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่อุโมงค์พ่นยา ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัด และรับใบรับรองจากทั้ง 3 สมาคม ซึ่งมาตรการป้องกันดังกล่าว ได้เผยแพร่เป็นภาษาต่างๆ เช่น อังกฤษ จีน เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้นำเข้าในต่างประเทศ

“จากกิจกรรมดังกล่าว มั่นใจว่า จะช่วยผลักดันให้การส่งออกผลไม้ไทยในปีนี้เพิ่มขึ้นได้แน่นอน ที่สำคัญ ผู้บริโภคสามารถเชื่อมั่นได้ว่า ผลไม้จากไทยไม่มีการปนเปื้อนโควิด-19 แน่นอน”