นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบเงินอุดหนุน 350 ล้านบาท ให้แก่สภาองค์กรของผู้บริโภคเพื่อเป็นทุนประเดิม เบื้องต้น ตามที่ พ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562 กำหนด โดยสภาองค์กรของผู้บริโภค เป็นองค์กรอิสระที่ไม่แสวงหาผลกำไร มีอำนาจหน้าที่ อาทิ คุ้มครองและพิทักษ์ สิทธิผู้บริโภค ติดตามและตรวจสอบปัญหาที่กระทบสิทธิผู้บริโภค ส่งเสริมองค์กรของผู้บริโภคในระดับพื้นที่และจังหวัด ดำเนินคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิ์ของผู้บริโภค ช่วยเหลือสมาชิกไกล่เกลี่ยข้อพิพาททั้งก่อนและระหว่างดำเนินคดี สนับสนุนการศึกษาวิจัยเพื่อใช้ประโยชน์ในการคุ้มครองสิทธิ์ เป็นต้น
ส่วนงบประมาณอีก 378 ล้านบาทที่เสนอขอมา สำหรับการดำเนินการในปีงบประมาณ 2565 นั้น ให้สภาองค์กรของผู้บริโภคใช้จ่ายจากเงินทุนประเดิมที่มีเหลือและเงินรายได้ ที่มาจากค่าลงทะเบียน ค่าบำรุง และค่าบริการที่เก็บจากสมาชิก หรือบุคคลภายนอก หากไม่เพียงพอให้เสนอขอแปรญัตติเพิ่มงบประมาณตามความจำเป็นต่อไป
ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.ยังได้เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกายกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่... พ.ศ.) (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริม ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ปรับเปลี่ยน ธุรกิจสู่เศรษฐกิจดิจิทัล) โดยยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล ซึ่งมีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลา บัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท สำหรับเงินได้เป็นจำนวน 100% หรือ 2 เท่า ของรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าซื้อ หรือค่าจ้างทำหรือค่าใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือซอฟต์แวร์ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 ม.ค.2564 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.2565.