นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยที่สำรวจจากนักธุรกิจสมาชิกทั่วประเทศ 368 ตัวอย่างวันที่ 26-30 เม.ย.64 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงทุกรายการ โดยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน เม.ย.64 อยู่ที่ 27.6 ลดจาก 30.7 ในเดือน มี.ค.64 ต่ำสุดในรอบ 39 เดือน นับตั้งแต่เดือน ม.ค.62, ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตอยู่ที่ 37.8 ลดจาก 40.5 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 27.1 ลดจาก 30.3
ส่วนดัชนีเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว อยู่ที่ 17.4 ลดจาก 20.7 ถือเป็นสถานการณ์ย่ำแย่ที่สุด และมีโอกาสทำให้ธุรกิจปิดกิจการมากขึ้น ส่งผลให้แรงงานภาคการท่องเที่ยวเป็นกลุ่มที่เสี่ยงที่สุดที่จะตกงานสูง นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการและการจ้างงาน อยู่ในระดับต่ำกว่า 30 แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในภาวะอ่อนแอทุกภาคส่วน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคสังคมได้ในอนาคต และคาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นในเดือน พ.ค.64 ก็ยังไม่ดีขึ้น โดยภาคเอกชนต้องการให้รัฐเร่งจัดหาวัคซีนให้ได้อย่างเพียงพอและเร่งฉีดให้ทั่วถึง นอกจากนี้ จากการสำรวจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐพบว่า “คนละครึ่ง” สามารถสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่วนโครงการ “ยิ่งใช้ยิ่งได้”
โดยรัฐสนับสนุน e-Voucher ให้ประชาชนที่ใช้จ่ายสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคนนั้น ประชาชนอาจเข้าร่วมโครงการน้อย เพราะต้องนำเงินของตัวเองออกมาใช้จ่าย แต่หากรัฐจะโอนเงินจากโครงการนี้มาเพิ่มให้กับคนละครึ่ง จะทำให้เกิดการใช้สอยได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม หอการค้ายังคาดการณ์เศรษฐกิจไทยทั้งปีขยายตัวอยู่ในกรอบ 2.5-3% โดยอยู่ภายใต้ที่รัฐบาลควบคุมโควิดไม่ให้กระจายมากขึ้น.