เศรษฐีป้ายแดง พูดคุยกับ "พฤฒิ เกิดชูชื่น" ผู้ก่อตั้ง "แดรี่โฮม" นมออร์แกนิกเจ้าแรกของไทยมูลค่าร้อยล้าน มีความสุขที่ทำธุรกิจเพื่อสังคม
วันที่ 24 มีนาคม 2564 รายการ "เศรษฐีป้ายแดง" ทางช่องไทยรัฐ 32 ได้พูดคุยกับ คุณพฤฒิ เกิดชูชื่น ผู้ก่อตั้ง "แดรี่โฮม" นมออร์แกนิกเจ้าแรกของไทย เป็นการทำฟาร์มโคนมแบบไม่มีการใช้สารเคมี ยาปฏิชีวนะ หรือ ฮอร์โมน ในระหว่างการเลี้ยงดู เพื่อให้ได้น้ํานมที่มีคุณภาพดี คือ นมออร์แกนิก
คุณพฤฒิ เล่าว่า นมออร์แกนิก มีความหมายลึกซึ้ง หมายถึงระบบการเลี้ยงโคนมที่จะต้องเน้นความสมดุลระหว่างธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ดิน น้ำ พืช และสัตว์ และจะต้องไม่เลี้ยงสัตว์เยอะเกินไป ไม่ให้มีสิ่งปฏิกูลเยอะเกินไป ไม่เช่นนั้นจะไม่เกิดความสมดุล ที่สำคัญคือ วัวจะได้ใช้ชีวิตในแบบธรรมชาติ ถ้าวัวมีความสุข จะหลั่งสารแห่งความสุขออกมา
แม่วัวถูกเลี้ยงดูแบบธรรมชาติ ได้เดินเล็มหญ้าในทุ่ง วัวมันจะเลือกกินหญ้าที่ดี ไม่มีสารเคมีเจือปน ถ้าแม่วัวอารมณ์ไม่ดี นมที่ได้มาจะไม่อร่อย สาเหตุที่แพงกว่านมทั่วไป เพราะนมออร์แกนิกจะประกอบไปด้วยสารที่สมบูรณ์กว่านมวัวปกติ เช่น มีโอเมก้า-3
"แดรี่โฮมไม่คิดจะเป็นบริษัทใหญ่อยู่แล้ว เราแค่ต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลง อยากให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงแบบออร์แกนิก แต่ละเดือนเรารับน้ํานมดิบกว่า 200 ตัน จากฟาร์มเครือข่ายที่บริหารจัดการฟาร์มในรูปแบบออร์แกนิกทั้งหมด 25 ฟาร์ม"
คุณพฤฒิ เล่าถึงความฝันในวัยเด็กว่า ช่วงอายุประมาณ 10 ขวบ ได้มีโอกาสไปเที่ยวฟาร์มโคนม ไปนั่งดูเขารีดนมวัว และได้น้ำนมกลับบ้านมาด้วย คุณแม่ก็ได้นำมาต้มให้กิน ปรากฏว่าอร่อยมาก อร่อยกว่าที่เคยกินมาทั้งชีวิต
จนกระทั่งเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ได้เลือกเรียนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รู้สึกดีใจมาก หลังจากเรียนจบได้ไปทํางานเป็นลูกจ้าง ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ก ทําอยู่เกือบ 10 กว่าปี ทําด้านการวิจัยการผสมเทียม และริเริ่มศูนย์ผลิตน้ําเชื้อพ่อพันธุ์โคนมแช่แข็ง การย้ายฝากตัวอ่อนโคนม
หลังจากลาออกได้ไปลองสมัครงานกับบริษัท แต่ทำได้ไม่นานก็ลาออก เพราะช่วงนั้นได้เริ่มลงทุนธุรกิจส่วนตัว เอาเงินเก็บมาลงทุนทําธุรกิจปลูกหญ้าเลี้ยงวัว แต่การปลูกหญ้านั้นยากมาก เพราะตรงกับปีที่แล้งจัด แต่เราก็ฝ่าฟันอุปสรรคจนผ่านมาได้ และขายดีมาก แต่ทำไปได้ 1 ปีกว่า ก็ไม่มีทุนทำต่อ
ต่อมาได้เริ่มธุรกิจต่อไปคือ นำกากเบียร์ไปขาย ในตอนนั้นกิจการไปได้ดีมาก แต่สุดท้ายพอเราทําจนเขาเห็นแล้วว่า กากเบียร์เป็นของที่ขายได้ เขาก็เอามาจัดการขายเองแทน จนตอนหลังเราก็ค่อยๆ กลายเป็นรายย่อยไปแล้ว เพราะเราไม่สามารถผลิตกากเบียร์เองได้
คุณพฤฒิ เล่าว่า ระหว่างที่ยังทําธุรกิจขายกากเบียร์อยู่ ตอนนั้นได้ตั้งบิสซิเนสยูนิตเล็กๆ ด้วยแนวคิดว่า อยากทํานมออร์แกนิก เพราะเรามองเห็นแล้วว่า อนาคตของเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวต้องมีปัญหาแน่ เพราะไทยได้เซ็นสัญญา FTA (Fre Trade Area - เขตการค้าเสรี) กับ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เพราะต้นทุนการเลี้ยงวัวของบ้านเราสูงกว่า พูดง่ายๆ ต่อให้เขาเสียค่าขนส่ง น้ํานมวัวจากนิวซีแลนด์มาขายที่ไทย ต้นทุนก็ยังถูกว่า
ในตอนนั้นยังไม่ได้ทําฟาร์มโคนมของตัวเอง ก็ไปติดต่อเจ้าของฟาร์มโคนมที่เขาพร้อมจะเปลี่ยนวิธีบริหารจัดการฟาร์มใหม่ให้เป็นแบบออร์แกนิก เพื่อให้ได้น้ํานมออร์แกนิก และปรากฏว่าได้ผลดี จากบิสซิเนสยูนิตเล็กๆ ของเราก็ได้ไปจัดตั้งเป็นบริษัท เป็นจุดเริ่มต้นของแดรี่โฮม
"ตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 20 ปีที่แล้ว กิจการของเราเป็นลักษณะกิจการเพื่อสังคม จากเงินทุนก้อนแรก เราไม่เคยเอาออกมาเลย มีกำไรเท่าไหร่ก็เอาใส่กลับไป เป็นธุรกิจเพื่อสังคมเต็มรูปแบบ พูดได้เลยว่า เกษตรกรเครือข่ายที่อยู่กับเราได้พ้นขีดความยากจนไปแล้ว เป้าหมายหลักไม่ใช่การทําให้แดรี่โฮมเติบโต แต่เป็นการทําให้นมออร์แกนิกเป็นที่รู้จัก"
คุณพฤฒิ กล่าวต่อว่า สําหรับผู้เริ่มต้น เรามีกฎง่ายๆ 3 ข้อ ที่ต้อง ทําคือ 1. ห้ามใช้ปุ๋ยเคมี 2. ห้ามใช้ยาปฏิชีวนะ 3. เปลี่ยนสัดส่วนอาหารวัวระหว่างอาหารข้น และ อาหารหยาบ(หญ้า, ฟางข้าว) ถ้าเริ่ม 3 ข้อนี้ได้ ก็จะพัฒนาเป็นฟาร์มโคนมออร์แกนิก ต่อไปได้ แต่ถ้าทําไม่ได้ ก็เลิกคิดจะเป็นฟาร์มออร์แกนิกเลย.