พับแผนเก็บภาษีความเค็มเข้าลิ้นชัก ระทมโควิดสรรพสามิตใจดี คาดชะลอภาษีความหวานขั้นโหด

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

พับแผนเก็บภาษีความเค็มเข้าลิ้นชัก ระทมโควิดสรรพสามิตใจดี คาดชะลอภาษีความหวานขั้นโหด

Date Time: 27 ก.พ. 2564 06:15 น.

Summary

  • กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการพิจารณาการชะลอปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีความหวาน เพื่อบรรเทาผลกระทบให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภค ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19

Latest

ล้อมคอกรถโดยสารสาธารณะยึดมาตรฐาน "UN”

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างการพิจารณาการชะลอปรับขึ้นภาษีเครื่องดื่มที่มีความหวาน เพื่อบรรเทาผลกระทบให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภค ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 โดยวันที่ 1 ต.ค.64 จะครบกำหนดต้องปรับขึ้นอัตราภาษีตามขั้นบันได จากระยะที่ 2 ไประยะที่ 3 สำหรับอัตราภาษีเครื่องดื่มที่มีสารความหวาน ได้กำหนดอัตราภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 4 ระยะ ปัจจุบันจัดเก็บเป็นระยะที่ 2 แล้ว โดยวันที่ 1 ต.ค.64 จะถึงระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะที่จะคิดอัตราภาษีแบบก้าวกระโดดมาก แบ่งเป็น ปริมาณน้ำตาล 6-8 กรัม เดิมคิดอัตราภาษี 0.10 บาทต่อลิตร ปรับขึ้น 0.30 บาทต่อลิตร, ปริมาณน้ำตาล 8-10 กรัม คิดอัตราภาษี 0.30 บาทต่อลิตร ปรับขึ้น 1 บาทต่อลิตร, ปริมาณน้ำตาล 10-14 กรัม เดิมคิดอัตราภาษี 1 บาทต่อลิตร ปรับขึ้น 3 บาทต่อลิตร, ปริมาณน้ำตาล 14-18 กรัม เดิมคิดอัตราภาษี 3 บาทต่อลิตร ปรับขึ้น 5 บาทต่อลิตร เป็นต้น

“วันที่ 1 ต.ค.64 จะถึงเวลาปรับขึ้นภาษีความหวานตามขั้นบันไดแล้ว แต่เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 กรมสรรพสามิตจึงต้องทบทวนว่าควรจะมีการชะลอขึ้นภาษีออกไปหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้กรมจะนำข้อมูลต่างๆมาพิจารณารายละเอียดดูความเหมาะสมอีกครั้ง อย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีการยืนยันว่าจะมีการเลื่อนออกไประยะเวลาเท่าไร และจำนวนมากน้อยแค่ไหนบ้าง ดังนั้น ต้องรอผลการพิจารณาอย่างรอบด้านก่อน จึงจะมีคำตอบ”

นายลวรณ กล่าวว่า ปีนี้กรมสรรพสามิต จะไม่พิจารณาปรับอัตราภาษีเพิ่ม และยังไม่มีการกำหนดรายการภาษีใหม่ๆออกมา เช่น ภาษีความเค็ม เป็นต้น เนื่องจากช่วงเวลานี้ยังไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันหากมีภาษีใหม่ๆออกมา มองว่าอาจจะเป็นการสร้างภาระให้กับผู้ประกอบการและมีผลต่อผู้บริโภคด้วย ดังนั้น ในปีนี้จะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้เป็นไปตามเป้าหมาย จากที่ล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับลดการจัดเก็บรายได้เหลือ 550,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมตามเอกสารงบประมาณปี 2564 ต้องจัดเก็บรายได้ 630,000 ล้านบาท สาเหตุของการปรับลด เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้นั้น กรมจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้พัฒนาระบบต่างๆในกรม รวมถึงการตรวจสอบการคืนภาษีน้ำมัน ซึ่งจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาช่วยเก็บเอกสารให้สามารถตรวจสอบและควบคุมได้ว่าน้ำมันได้ถูกส่งออกจริงเพื่อขอคืนภาษีหรือไม่ ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในเดือน มี.ค.2564

ส่วนการพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดูรายละเอียด จะเห็นความชัดเจนในเดือน มี.ค.2564 โดยจะคำนึงถึง 4 ปัจจัย ได้แก่ 1.รายได้เกษตรกร 2.สุขภาพของประชาชน 3.บุหรี่เถื่อน 4.รายได้ของกรมซึ่งจะเป็นการปรับถาวร ไม่ใช่เป็นการเลื่อนชั่วครั้งชั่วคราวเหมือนที่ผ่านมา.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ