ไทยเดินหน้าให้สัตยาบัน "อาร์เซ็ป" คาดจะมีผลใช้บังคับกลางปีหน้า

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ปาฐกถาพิเศษ “การประกาศความสำเร็จการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป)” ว่าไทยจะได้ประโยชน์ ทั้งการส่งออกสินค้า บริการ และการลงทุน ทำให้สินค้าไทยบุกตลาด 14 ประเทศได้ อย่างมันสำปะหลัง แป้งมัน ยางพารา ประมง อาหาร ฯลฯ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนวิสัยทัศน์ “อาหารไทยเป็นอาหารโลก” และทำให้ก้าวสู่การเป็นผู้ส่งออกอาหารอันดับต้นๆ และอันดับหนึ่งของโลกได้ในอนาคต จากปัจจุบันอันดับที่ 11 นอกจากนี้ ยังมีสินค้าอุตสาหกรรม เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติก ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องแต่งกาย รถจักรยานยนต์ รวมถึงภาคบริการและการลงทุน อย่าง ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพ ธุรกิจคอนเทนต์ เช่น ภาพยนตร์ แอนิเมชัน เกมส์ เป็นต้น อีกทั้งยังก่อให้เกิดความร่วมมือใหม่ๆ เช่น ทรัพย์สินทางปัญญา พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แข่งขันทางการค้า วิสาหกิจขนาดกลางและเล็ก และจัดซื้อโดยรัฐ

“เราต้องเร่งเตรียมตัวรองรับ เพราะมีเวลาอีกไม่เกิน 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อให้แข่งขันได้ หลังจากลงนาม ทั้ง 15 ประเทศต้องทำ 2 เรื่อง คือ ทำให้อินเดียเข้ามาร่วมในอาร์เซ็ป หลังจากพักเจรจาชั่วคราว และเร่งให้สัตยาบัน เพื่อให้ความตกลงมีผลบังคับใช้ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 10 พ.ย.63 เห็นชอบให้ไทยให้สัตยาบันแล้ว ผมจะนำเรื่องนี้เสนอเข้าสู่รัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ทันสมัยประชุมนี้ในเดือน พ.ย.63 -ก.พ.64 ถ้าเห็นชอบ ไทยน่าจะเป็นประเทศแรกๆที่ให้สัตยาบัน คาดจะมีผลใช้บังคับกลางปีหน้า ส่วนปัญหาการเมืองไม่กระทบต่อการให้สัตยาบันแน่นอน”

ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีอาร์เซ็ป รัฐบาลมีมาตรการเยียวยา ทั้งมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (เอดี/ซีวีดี) มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) อีกทั้งยังมีกองทุนเพื่อการปรับตัวจากการเปิดเสรีทางการค้า (เอฟทีเอ) รวมถึงกองทุนเอฟทีเอ ที่กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการจัดตั้ง “กรมจะปรับปรุงระบบการเตือนภัยทางการค้าให้ทันสมัย เพื่อติดตามการนำเข้าจากสมาชิกว่า มีสินค้าใดทะลักเข้าไทยจนกระทบต่อผู้ประกอบการไทย ขณะเดียวกัน ได้หารือกับผู้ประกอบการหลายสินค้า ที่ตัวผู้ประกอบการเองเกรงจะได้รับผลกระทบ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ส่วนการรับสมาชิกใหม่ ต้องหลังจากใช้บังคับไปแล้ว 18 เดือน ที่ผ่านมา ฮ่องกง ไต้หวัน แจ้งขอเข้าเป็นสมาชิกแล้ว”.