นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้เตรียมเปิดโครงการคนละครึ่ง เพื่อกระตุ้นกำลังการใช้จ่าย ในระยะที่ 2 (เฟส 2) ในต้นปี 2564 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ ให้กับประชาชน หลังจากมาตรการในระยะแรกได้รับการตอบรับจากประชาชนมีผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิครบ 10 ล้านคน หลังจากเปิดให้ลงทะเบียนรอบเก็บตกเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 11 พ.ย.อีก 2.5 ล้านคน ซึ่งโครงการคนละครึ่งเฟส 2 จะเริ่มในปี 2564 เป็นการขยายเวลามาตรการออกไปจากเดิมสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อช่วงปีใหม่ ส่วนจะมีการเพิ่มสิทธิมากกว่า 10 ล้านคนหรือเพิ่มวงเงิน เพื่อนำไปใช้จ่ายมากกว่า 3,000 บาทหรือไม่ จะต้องไปดูในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง เพราะเกี่ยวข้องกับงบประมาณที่ใช้ แต่ยืนยันว่ารัฐบาลมีเงินเพียงพอ เพียงแต่ขอไปดูรายละเอียดอีกครั้ง คาดว่าสรุปได้ในเดือน ธ.ค.นี้
สำหรับโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 จะใช้เงินในส่วนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับฟื้นฟูผลกระทบโควิด-19 จำนวน 400,000 ล้านบาท ขณะนี้เหลือประมาณที่นำมาใช้จ่ายได้ 200,000 ล้านบาท แต่จะต้องทำรายละเอียดเสนอ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ พิจารณารายละเอียดก่อน จากการสำรวจพบว่า ประชาชนใช้จ่ายในโครงการถึง 59% และรัฐบาลสนับสนุน 49% ส่วนมากมีการซื้ออาหารที่ร้านค้า หาบเร่แผงลอยต่างๆ จำนวนมาก ขณะที่ร้านค้าที่ลงทะเบียนก็มีจำนวนมาก
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า คนที่ลงทะเบียนในเฟสแรก ต้องใช้จ่ายเงินที่ได้รับจำนวน 3,000 บาท ภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ส่วนระยะสอง กระทรวงการคลังจะมีปุ่มหรือข้อความให้คนลงทะเบียนเฟสแรกยืนยันว่าจะเข้าร่วมมาตรการต่อหรือไม่ ถ้าเข้าร่วมมาตรการต่อในปีหน้า ก็ได้รับสิทธิในส่วนของเฟส 2 ด้วย
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ณ เวลา 12.00 น. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ 590,000 ร้านค้า มีผู้ใช้สิทธิ 7.410 ล้านคน มียอดการใช้จ่ายสะสม 11,889 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 6,059 ล้านบาท ภาครัฐร่วมจ่ายอีก 5,830 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 210 บาทต่อครั้ง จังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ตามลำดับ.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง