ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (9 พ.ย.63) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กำหนดให้ผู้สนใจยื่นเอกสารประกวดราคาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มูลค่ากว่า 142,000 ล้านบาท โดยมีกลุ่มบริษัทเอกชนมายื่นซอง 2 ราย รายแรก คือ บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ลงทะเบียนยื่นเอกสารเมื่อเวลา 11.19 น. ซึ่งเอกสารประกวดราคาที่นำมายื่นมีมากถึงกว่า 250 กล่อง ต้องใช้รถตู้ 2 คัน และรถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 6 คัน ขนเอกสารมายื่น และยื่นเอกสารประมูลรายเดียว ไม่ได้รวมกลุ่มกับรายใด
ส่วนรายที่ 2 คือ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (มหาชน) หรือ BTSC บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STECON ได้รวมกลุ่มในนามกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) เดินทางมาถึงเมื่อเวลา 13.30 น. โดยใช้รถบรรทุก 6 ล้อ 4 คัน บรรทุกกล่องเอกสารกว่า 400 กล่องมายื่น
โดยผู้บริหาร BEM กล่าวว่า บริษัทมีความสามารถ และมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ในเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal Documents : RFP) เป็นผู้ร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า BEM ทำข้อเสนอในเงื่อนไขเดิม หรือเงื่อนไขที่ รฟม.ประกาศ RFP เพิ่มเติม ผู้บริหาร BEM กล่าวว่า บริษัททำข้อเสนอดีที่สุด ส่วนเงื่อนไขในการพิจารณาแบบใดนั้น ขณะนี้ เรื่องอยู่ที่ศาล ไม่ได้อยู่ในอำนาจของบริษัท
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ กล่าวว่า ยื่นประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มในนามกลุ่มบีเอสอาร์ ซึ่งร่วมกัน 3 บริษัท คือ BTSC, บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS และซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง ส่วนบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ซึ่งเป็นพันธมิตรเดิม ไม่ได้ร่วมยื่นประมูลครั้งนี้ เพราะยังมีกระบวนการภายในของบริษัท แต่ราช กรุ๊ป ประสงค์จะร่วมกับกลุ่มเหมือนเดิม ส่วนกรณีที่ รฟม.ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ยกเลิกคำสั่งทุเลาการพิจารณาตามหลักเกณฑ์การประเมินที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ศาลปกครองสูงสุดยังไม่มีคำสั่งใดๆ ซึ่งบริษัทได้ทำข้อเสนอในการประมูลครั้งนี้อย่างเต็มที่และดีที่สุด ส่วนเกณฑ์และวิธีการพิจารณา ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาล ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ในขณะนี้.