นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือจีไอที เปิดเผย ภายหลังการประชุมร่วมกับสมาคมธนาคารไทย และผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการรับมือกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่าจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะรายกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ที่ขณะนี้ขาดสภาพคล่อง เพราะการค้าในประเทศซบเซาจากการไม่มีนักท่องเที่ยว ขณะที่การส่งออกลดลง
ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทย ชี้แจงว่า ผู้ประกอบการสามารถขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) สำหรับเอสเอ็มอี อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี ไม่คิดดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรกได้ แต่ต้องเป็นลูกค้าของธนาคารพาณิชย์หรือธนาคารของรัฐ มีวงเงินสินเชื่อกับธนาคารแต่ละแห่งไม่เกิน 500 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการจ้างงานจากกระทรวงแรงงาน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับดูแลลูกจ้างในช่วงที่หยุดกิจการชั่วคราว โดยสถานประกอบการที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี คงที่ 3 ปี ส่วนสถานประกอบการที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือใช้บุคคลค้ำประกัน อัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี คงที่ 3 ปี
ส่วนการหารือถึงการนำอัญมณีและเครื่องประดับใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินนั้น สามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันได้ แต่จะต้องหารือร่วมกับสถาบันการเงินและหน่วยงานด้านอัญมณีและเครื่องประดับ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญอีกหลายครั้ง ถึงแนวทางประเมินราคาอย่างเป็นธรรม และขั้นตอนการดำเนินงาน
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การส่งออกลดลง และการค้าในประเทศซบเซา จีไอทีจึงช่วยเหลือและหาทางเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการ เพราะประเมินว่าถ้าโควิด-19 คลี่คลาย การส่งออกจะกลับมาฟื้นตัวได้แน่นอน”.