ก่อนหน้า 25 เมษายน 2563 สินค้าไทยราว 1,300 ประเภท ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรหรือจีเอสพีจากสหรัฐฯ ทำให้ก่อนหน้านี้ สินค้าไทยยังคงส่งไปขายและแข่งขันได้ในตลาดสหรัฐฯ เพราะเสียภาษีน้อยจึงทำให้สามารถแข่งขันได้ ผู้ผลิตและผู้ส่งออกจากประเทศไทยก็แฮปปี้มีความสุข
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเมื่อปีที่แล้ว โดยมีผลตั้งแต่ 25 เมษายน 2563 ให้งดจีเอสพีสินค้าไทย 1 ใน 3 หรือ 573 รายการ รัฐบาลทรัมป์อ้างว่าไทยมีปัญหาด้านการคุ้มครองสิทธิแรงงานตามมาตรฐานระหว่างประเทศ
นั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงดอกครับ ตามความเห็นของผมที่มองการกระดิกพลิกตัวของรัฐบาลทรัมป์มานาน ผมว่ามาจากการที่ประชาชนคนไทยโดนสารพิษกันจนทนไม่ไหว ไปกดดันรัฐบาลไทยให้แบนสารพิษซึ่งบริษัทเจ้าของสารพิษที่ว่าเป็นนายทุนรายใหญ่ให้รัฐบาลสหรัฐฯ
ใครๆก็รู้ว่าเนื้อหมูที่แดงน่าทาน แดงเพราะสารเร่งเนื้อแดง แม้แต่ไอ้ปื๊ดลูกเจ๊น้องก้นซอยสองก็ยังรู้ว่าสารเร่งเนื้อแดงเป็นอันตรายต่อสุขภาพ กินเข้าไปแล้วก็อาจจะเป็นมะเร็ง รวมทั้งเป็นโรคอะไรต่างๆ ตามมาอีกบานเบอะเยอะแยะ
เกษตรกรเลี้ยงหมูสหรัฐฯไปกดดันรัฐบาลของนายทรัมป์ว่า คุณในฐานะรัฐบาลอเมริกันช่วยไปกดดันรัฐบาลไทยให้นำเข้าเนื้อหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงให้หน่อย สหรัฐฯเรียกร้องมามากมายหลายปีแล้วครับ เมื่อไม่ได้ตามที่ต้องการ ก็ใช้อาวุธสิทธิพิเศษทางศุลกากรจัดการกับสินค้าไทย ทั้งสินค้าประมง อาหารทะเล ผักผลไม้ เมล็ดพันธุ์ น้ำเชื่อม ซอสถั่วเหลือง น้ำผัก น้ำผลไม้ ดอกไม้ประดิษฐ์ ตะกร้า เครื่องประดับ ไม้อัด ประตูหน้าต่าง เครื่องครัว ทอง เหล็ก สเตนเลส ฯลฯ
ใครที่ไปกู้เงินธนาคารก็คงรู้นะครับ ว่าความต่างของดอกเบี้ยร้อยละ 1-2 ก็ทำให้ต้นทุนการเงินสูงขึ้น มีผลทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ต้องขายสินค้าแพงขึ้น สินค้าแพงคนก็ไม่ซื้อ รัฐบาลของทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าไทยเพิ่มขึ้นจากเดิมโดยเฉลี่ยทุกสินค้าประมาณร้อยละ 4.7 แพงกว่าที่เราไปนั่งไหว้ธนาคารปลกๆ เพื่อขอลดดอกเบี้ยแค่ร้อยละ 1-2 เป็นเท่าตัว
ผู้คนจากซีกรัฐบาลไทยไปขอความเมตตากรุณาอนุเคราะห์จากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ขอความเมตตาว่า อ้า ท่านช่วยทบทวนการระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรด้วยเถิด หากระงับไม่ได้ ก็ขอให้เลื่อนการบังคับใช้ไปก่อน อย่าเพิ่งใช้ในวันที่ 25 เมษายน 2563 เลยครับ
สหรัฐฯเมินไทย แถมไม่เปิดโอกาสให้ไทยเข้าหารือซ้ำไทยติดต่อไปหลายครั้ง นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯบอกว่ากระบวนพิจารณาได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งตัดสิทธิจีเอสพีไทยไปแล้ว เราจะไม่ขอคุยอะไรกับไทยอีก
ตอนที่โลกเริ่มมีปัญหาโควิด-19 จีนโดนหนักกว่าพวกและโดนกระสุน 2 ดอก ดอกแรกคือ สงครามการค้าที่สหรัฐฯยิงกระหน่ำซ้ำจนยุ่ย ดอกที่สองคือ โควิด-19 ไทยเคยเป็นประเทศที่มีปัญหาโควิด-19 รองจากจีน ตอนนั้นเราทำหนังสือขอให้ผู้แทนการค้าสหรัฐฯช่วยเรื่องการบังคับใช้การตัดจีเอสพี โดยอ้างผลกระทบจากโควิด-19 ทว่าผู้แทนการค้าสหรัฐฯก็ปฏิเสธเราอย่างไร้เยื่อใย
อ่านจากโซเชียลมีเดีย บางคนที่โปรสหรัฐฯบอกว่าสมควร เพราะสหรัฐฯให้จีเอสพีเรามานานแล้ว เราควรปรับตัวเองเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ขอเรียนครับ ว่าคนลงสนามแข่งต้องมีศักยภาพเท่ากัน ธุรกิจของบางประเทศได้รับการหนุนจากรัฐบาลของตนเองแทบทุกอย่าง แต่บางประเทศ คนทำธุรกิจโดนมัดมือมัดเท้าก่อนที่จะโดนรัฐบาลของตนถีบออกไปสู้กับคู่แข่งบนเวที
ตลาดอเมริกันถูกตัด ทั้งรัฐทั้งเอกชนก็ช่วยกันออกไปหาตลาดจากประเทศเล็กชาติน้อยมาทดแทนก็ได้ครับ ช่วยกันครับ อย่าทิ้งกันครับ อย่าด่ากันครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com