นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลควรเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง โดยเฉพาะการทำให้ธุรกิจที่หยุดชะงัก มีความพร้อมในการเดินหน้าต่อไป เพื่อที่จะช่วงชิงความได้เปรียบให้มากที่สุดในการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
"ผมเชื่อว่าขณะนี้จีนและญี่ปุ่นคิดค้นยาได้แล้ว และนายกรัฐมนตรีได้สั่งซื้อเข้ามารักษาผู้ป่วยในไทย ทุกอย่างมีสัญญาณที่ดีขึ้น สิ่งที่รัฐบาลควรทำต่อจากนี้ คือ การสนับสนุนให้ธุรกิจที่หยุดนิ่ง เป็นอัมพาตมาระยะหนึ่งเดินหน้าต่อได้ทันที"
นายธนินท์ เชื่อว่าในภาวะเช่นนี้ รัฐบาลควรใช้เงินช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจให้มากที่สุด เช่นเดียวกับที่หลายๆ ประเทศทำ สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีไม่ใช่ประเด็นที่ต้องกังวลใจ
"ธุรกิจควรเดินหน้าได้เร็วที่สุดหลังทุกอย่างฟื้นตัว ยกตัวอย่างธุรกิจโรงแรมในอังกฤษ ที่รัฐบาลช่วยจ่ายเงินเดือนพนักงานให้ 80% เพราะรัฐบาลเป็นคนสั่งให้ปิดเอง ผมมองว่ารัฐบาลควรเข้าไปช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวทั้งระบบ หากโรคระบาดคลี่คลาย ต้องพร้อมเรียกคืนนักท่องเที่ยวทันที ต้องให้คนทั่วโลกมาเที่ยวเมืองไทยเป็นที่แรก จึงควรช่วยเหลือให้เสียหายน้อยสุด เพราะธุรกิจท่องเที่ยวทำเงินเข้าประเทศได้เร็ว คิดเป็นรายได้ปีละ 400,000 ล้านบาท"
นายธนินท์ กล่าวว่า หากรัฐบาลบริหารประเทศให้ดี กล้าคิดใหญ่ สร้างคนให้มีคุณภาพ ประเทศไทยจะไปได้ไกล เมืองไทยเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมดีที่สุด มีศักยภาพเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลก ล้อมรอบไปด้วยพลเมือง 3,000 ล้านคน
เมื่อถามว่า มีข้อแนะนำสำหรับธุรกิจที่กำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติในขณะนี้อย่างไร นายธนินท์ กล่าวว่า ในช่วงชีวิตนี้ ผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง นโยบายของกลุ่มซีพีคือให้คิดไว้เสมอว่ากำลังมีวิกฤติ ถ้ามีเรื่องให้ดีใจ ก็ดีใจได้แค่วันเดียว ในยามที่มีแต่ความมืด ต้องคิดว่าพอสว่างแล้วจะทำอย่างไร เตรียมพร้อมเอาไว้เสมอ เตือนตัวเองว่าวิกฤติมาได้ทุกวัน ย้ำกับตัวเองว่าเราเตรียมพร้อมหรือยัง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด