นายอัทสึชิ ทาเคทานิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 9-13 มี.ค.63 เจโทรได้ร่วมกับหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ สำรวจความคิดเห็นบริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในไทย และเป็นสมาชิกหอการค้าญี่ปุ่น จำนวน 1,764 บริษัท ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นแบบเร่งด่วน เกี่ยวกับผลกระทบของโรคไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นขณะนี้ มีบริษัทตอบกลับมา 552 บริษัท โดยบริษัทส่วนใหญ่ หรือ 48% ระบุว่า การระบาดของโควิด-19 มีผลกระทบเชิงลบต่อบริษัท อีก 32% ระบุมีผลกระทบอย่างมากต่อยอดขาย ทำให้ยอดขายหายไปตั้งแต่ 5% ขึ้นไป ส่วนอีก 10% ระบุขณะนี้ยังไม่ทราบผลกระทบอีก 8% บอกไม่มีผลกระทบ และ 2% บอกมีผลกระทบในเชิงบวก โดยผลกระทบในเชิงลบดังกล่าวเกิดขึ้นกับทั้งภาคอุตสาหกรรมการผลิต และอุตสาหกรรมอื่นๆที่ไม่ใช่ภาคการผลิต
“ผลกระทบในเชิงลบที่พบมากที่สุดคือ ยอดขายลดลงจากการชะลอตัวของการบริโภคและการท่องเที่ยวในไทย ตามด้วยการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ เพราะการยกเลิกนัดหมายกับบริษัทต่างๆ และยกเลิกการเดินทางไปเจรจาธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ, อุปสรรคต่อการปฏิบัติงานเนื่องจากมาตรการต่างๆ เช่น กำหนดให้ผู้เดินทางกลับมาจากญี่ปุ่น หรือเดินทางเข้าญี่ปุ่นต้องกักตัว 14 วัน, ยอดขายลดลงจากการชะลอคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ, ความยากลำบากและความล่าช้าในการจัดหาวัตถุดิบมาผลิต เช่น จากจีน”
ขณะเดียวกัน ยังได้รับผลกระทบจากการขนส่งสินค้า, การตอบสนองต่อสถานการณ์ เช่น มาตรการป้องกันการติดเชื้อเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปฏิบัติงาน, พนักงานชาวไทยกังวลต่อสถานการณ์อย่างมาก, ผลกระทบด้านการเงิน เช่น การชำระหนี้ล่าช้า และแม้ค่าเงินบาทอ่อนค่า แต่ค่าเงินเยนกลับแข็งค่า กระทบต่อการนำเข้าวัตถุดิบ
“บริษัทญี่ปุ่นในไทยเกือบครึ่งที่ตอบแบบสอบถาม หรือ 49% บอกว่า ขณะนี้ได้รับผลกระทบแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบต่อเนื่อง และกระทบมากขึ้น เพราะยอดขายลดลงจากการชะลอตัวของการบริโภคและการท่องเที่ยวในไทย ทำให้ความต้องการใช้สินค้าลดลง ไม่มีอารมณ์จับจ่ายใช้สอย ขณะเดียวกัน แนวโน้มผู้ใช้บริการต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับร้านอาหารและเครื่องดื่มลดลงมาก จากมาตรการของรัฐที่ให้ปิดห้างและสถานที่ต่างๆ ส่งผลให้บริษัทญี่ปุ่นในไทยพิจารณาชะลอการลงทุนในด้านแรงงานและเครื่องจักร รวมถึงตัดค่าใช้จ่ายขนานใหญ่ เพื่อรับมือกับผลกระทบที่มีต่อกำไร-ขาดทุนของกิจการ”.