ในยุคที่นานาประเทศทั่วโลกล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือ การขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้าด้วยพลังของเทคโนโลยีล้ำสมัยเช่นกันกับประเทศไทยที่มีนโยบายจากภาครัฐในการพยายามผลักดันบ้านเมืองไปสู่การเป็นไทยแลนด์ 4.0 แต่ในขณะที่เรากำลังเดินหน้าคุณค่าบางประการที่สืบสานกันมานับตั้งแต่อดีตเช่นเรื่องของ “ความเชื่อ” และ “ศรัทธา” กลับยังคงฝังแน่นเป็นหนึ่งในรากฐานที่สำคัญของชาวไทยเคียงข้างไปกับการเติบโตด้านเทคโนโลยี
หนึ่งในศรัทธาที่แกร่งกล้าและปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้คนแห่งสยามประเทศอย่างแยกไม่ออกคือความเชื่อในเรื่อง “พระเครื่อง” หรือ “พระเครื่องราง” รูปเคารพองค์พระขนาดเล็กที่ชาวพุทธนิยมเช่าบูชามาพกติดตัวหรือมีเก็บไว้ในบ้านเรือนที่อยู่อาศัยเป็นทั้งเครื่องยืนยันถึงความเป็นศาสนิกชนและการมุ่งหวังในแง่ยึดเหนี่ยวจิตใจตามแต่พุทธคุณของพระเครื่องที่มีไว้ครอบครอง
พระเครื่องถือได้ว่าเป็นเครื่องรางของขลังที่อยู่คู่ประเทศไทยมานานกว่า 2,000 ปี มีการวิวัฒนาการผ่านยุคสมัยมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ยุคต้นที่ยังคงเป็น “พระพิมพ์” ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อการสืบทอดพระพุทธศาสนาและหวังผลในแง่ของบุญบารมีสู่การเข้ามาของ “พระกริ่ง” จากวัฒนธรรมต่างชาติในราวรัชสมัย ร.3-ร.5 จนทำให้ค่านิยมการสร้างพระเพื่อเป้าหมายในการเป็นเครื่องรางแพร่หลายและเมื่อบริบทของสังคมเปลี่ยนไปพระพิมพ์จึงได้กลายเป็น “พระเครื่อง” และได้รับความนิยมจวบจนปัจจุบัน
ความน่าสนใจของวงการพระเครื่องคือ วงการนี้จะไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะไม่ว่าใครก็สามารถมาเป็น “คนเล่นพระ” เพื่อเช่าบูชาและสะสมพระเครื่องที่สนใจได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งสิ่งที่ทำให้พระเครื่องได้รับความนิยมในทุกระดับอาจเกิดขึ้นได้จากทั้งความต้องการหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจตามแต่ตำนานของพระเครื่ององค์นั้นรวมไปถึงการชื่นชอบความงดงามในเชิงพุทธศิลป์ คุณค่าในแง่ประวัติศาสตร์ความศรัทธาในเกจิอาจารย์ผู้สร้าง หรือ อาจเกิดจากความคาดหวังในเชิงพุทธพาณิชย์ได้เช่นกันเนื่องด้วยพระเครื่องแต่ละพิมพ์ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างทั้งในแง่ความสวยงามในการออกแบบที่มาที่ไปและพุทธคุณจึงทำให้มีความต้องการจากชาวพุทธเป็นจำนวนมากส่งผลให้ปัจจุบันวงการพระเครื่องซึ่งรวมถึงธุรกิจต่อเนื่องต่างๆ ไม่ว่าจะโรงพิมพ์พระนิตยสารพระ หรือ ตลาดพระจัดได้ว่าเป็นแวดวงที่มีเงินหมุนเวียนค่อนข้างมหาศาลมีคนเล่นพระกว่า 10 ล้านคน แต่ขณะเดียวกันก็มีมิจฉาชีพจำนวนมากหวังจะใช้ศรัทธาของชาวพุทธเป็นเครื่องมือในการกอบโกยผลประโยชน์
ด้วยเหตุนี้ ในวงการจึงมีกลุ่มคนที่เรียกได้ว่าเป็น “เซียนพระ” หรือ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องพระเครื่อง ซึ่งมีความรู้ความชำนาญในการประเมินและวิเคราะห์พระเป็นพิเศษสามารถแยกแยะถึงความแตกต่างระหว่าง “พระเทียม” “พระเก๊” กับ “พระแท้” ได้ โดยมากมักเป็นผู้ที่อยู่ในวงการพระเครื่องมาอย่างยาวนานจนนักเล่นพระต่างให้ความนับถือเป็นที่พึ่งพาในการช่วยดูพระ ซึ่งในปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการดูพระสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิมจนมีเซียนหน้าใหม่เติบโตขึ้นเป็นจำนวนมากเซียนรุ่นเก่าเองก็ยังยอมรับว่าเป็นเรื่องดีที่มีเซียนรุ่นใหม่เกิดขึ้นเพื่อช่วยยกระดับวงการพระให้เป็นมาตรฐาน หรือ แม้แต่นักเล่นพระทุกคนไม่ว่าจะหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ก็สามารถก้าวไปสู่การเป็นเซียนได้เช่นกันหากหมั่นสะสมข้อมูลความรู้ความชำนาญอยู่เสมอไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มองค์ความรู้ให้แก่ตนเองแต่ยังช่วยป้องกันมิให้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้อีกด้วย
แม้เมื่อมองในภาพรวมการเล่นพระอาจจะมีเส้นบางๆ ระหว่างความศรัทธากับความงมงาย แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่เรามิอาจก้าวล่วง และนอกจากในแง่ความศรัทธาเราก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าพระเครื่องคือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญที่ยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ของพุทธศาสนากับสังคมไทยที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นเป็นคุณค่าที่คู่ควรกับการศึกษาและเรียนรู้
สำหรับเซียนพระและนักเล่นพระที่ต้องการบำรุงร่างกายสายตาและสมองเป็นพิเศษ ต้องมีเครื่องดื่ม “โสมพลัส” เป็นตัวช่วยเพราะ ดื่มแล้วร่างกายแข็งแรง สายตาแหลมคม สมองฉับไว พร้อมลุยได้ทุกสนามแม้รายละเอียดเล็กน้อยแค่ไหนก็ไม่พลาด