พิษร้าย "ไวรัสโคโรน่า" ซัดเศรษฐกิจพัง ท่องเที่ยวเสียหายกว่าแสนล้านบาท

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

พิษร้าย "ไวรัสโคโรน่า" ซัดเศรษฐกิจพัง ท่องเที่ยวเสียหายกว่าแสนล้านบาท

Date Time: 27 ม.ค. 2563 13:07 น.

Video

คนไทยจ่ายภาษีน้อย มนุษย์เงินเดือนรับจบ ปัญหาอยู่ที่ระบบหรือคนกันแน่ ? | Money Issue

Summary

  • การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ มีระดับความรุนแรงเช่นเดียวกับโรคซาร์ส เมื่อ 17 ปีก่อน คาดเบื้องต้นจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

Latest


การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ มีระดับความรุนแรงเช่นเดียวกับโรคซาร์ส เมื่อ 17 ปีก่อน คาดเบื้องต้นจะส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ไม่ต่ำกว่า 80,000-120,000 ล้านบาท หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในต้นเดือน มี.ค.

แต่หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยและเอเชียได้ โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจเอเชียปีนี้ อาจไม่กระเตื้องขึ้นอย่างที่คาด โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนอาจต่ำกว่า 5.8% ในปีนี้ และอาจทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ไม่ถึง 6% และมีความเป็นไปได้มากที่เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสองจะขยายตัวได้เพียง 1.8-2.4% เท่านั้น

ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป สถาบันเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อ "ไวรัสโคโรน่า" สายพันธุ์ใหม่ จะทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจเอเชียปีนี้อาจไม่กระเตื้องขึ้นอย่างที่คาด โดยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนอาจต่ำกว่า 5.8% ในปีนี้ และอาจทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ไม่ถึง 6% ส่วนผลกระทบที่มีต่อภาคการท่องเที่ยวไทยและเศรษฐกิจไทย จะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงกว่าการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส แต่ผลกระทบต่อสุขภาพ คุณภาพชีวิตและอัตราการเสียชีวิตอาจไม่รุนแรงเท่าโรคไข้หวัดซาร์ส และการแพร่ระบาดไม่น่าจะยืดเยื้อเท่ากรณีโรคซาร์ส เนื่องจากมีการใช้มาตรการเฉียบขาดทางด้านสาธารณสุขในการควบคุมโรค

“ผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจรุนแรงฉับพลันในระยะสั้น มากกว่าโรคซาร์ส จากการควบคุมการเดินทางอย่างเข้มงวด การปิดเมืองห้ามเข้าออกไปยังเมืองอู่ฮั่น เมืองจือเจียง เมืองซื่อปี้ เมืองหวางกาง รวมทั้งการสั่งห้ามจัดกิจกรรมทัวร์ท่องเที่ยวต่างประเทศของทางการจีน แม้ทางองค์การอนามัยโลกจะยังไม่ประกาศ กรณีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่เป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก แต่ต้องคอยติดตามสถานการณ์ว่า การปิดเมืองและการห้ามการเดินทางเข้าออกในหลายพื้นที่ จะสามารถหยุดภาวะการแพร่ระบาดได้แค่ไหน มีความเป็นไปได้มากที่เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสองอาจจะขยายตัวได้เพียง 1.8-2.4%”

เบื้องต้นคาดผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 80,000-120,000 ล้านบาท หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในต้นเดือน มี.ค. แต่หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ยังไม่สามารถประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจไทยและเอเชียได้ขณะนี้ เบื้องต้นจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนในปีนี้ลดลงประมาณ 1-2 ล้านคน และนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงไม่ต่ำกว่า 2% ของเป้าหมาย จากที่รัฐบาลต้องการให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเป็น 41.8 ล้านคนในปีนี้และสร้างรายได้เพิ่มเป็น 2.2 ล้านล้านบาท ติดอันดับ 1 ใน 6 ของประเทศที่สร้างรายได้ท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก เศรษฐกิจไทยจึงเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งพาภาคบริการและภาคการท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่จึงกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับที่รุนแรงกว่าการแพร่ระบาดของโรคซาร์สเมื่อ 17 ปีที่แล้ว

นอกจากนี้องค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) ระบุว่า รายได้ของภาคท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก จะเติบโตไม่เกิน 7% เมื่อเจอกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในจีนย่อมทำให้การเติบโตลดลงอาจไม่ถึง 5% ย่อมส่งผลกระทบต่อรายได้การท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยวหรือธุรกิจเชื่อมโยงกันทำให้อัตราการเติบโตของรายได้รวมท่องเที่ยวไทยลดลงในปีนี้ ปี 2563 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะหดตัวในปีนี้ 

อย่างไรก็ตาม ทางการไทยควรปรับกลยุทธ์ในการเพิ่มรายได้ต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยการกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายต่อหัวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น มากกว่า เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และไม่ควรนำเอามาตรการ “ชิมช้อปใช้ อินเตอร์” หรือ แจกเงินฟรีให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวเนื่องจากผิดหลักการของการดำเนินนโยบาย เพราะเงินที่เอามาแจกนั้นเป็นเงินของประชาชนผู้เสียภาษีชาวไทย หากจะกระตุ้นการท่องเที่ยว ควรบริหารจัดการค่าเงินบาทให้อ่อนค่า ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคร้ายให้ได้ แก้ปัญหาฝุ่นควันพิษ มลพิษทางการอากาศ PM 2.5 เร่งรัดให้สามารถนำงบลงทุนจากงบปี 2563 มาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว จะแก้ปัญหาการท่องเที่ยวได้ดีกว่าเอาเงินภาษีประชาชนมาแจกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ