นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า หลังเทศกาลปีใหม่ กระทรวงจะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องเงินบาทแข็งค่า และจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด เพื่อดูแลด้านเศรษฐกิจของไทยให้เดินหน้าไปได้ โดยชุดแรกเป็นคณะกรรมการที่ดูแลด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ คณะกรรมการชุดที่ 2 ดูแลเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล เช่น การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอี เป็นต้น เพื่อพิจารณาว่าจะใช้มาตรการการเงินการคลังสนับสนุนอย่างไรได้บ้าง ขณะที่อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า จะเติบโตถึง 3% ได้หรือไม่ ผมยังตอบไม่ได้ แต่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้ เพราะปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะกำลังซื้อ และการลงทุนของภาครัฐ ช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย
“มาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอี ผมได้ประสานงานกับ ธปท. และธนาคารพาณิชย์ และจะสรุปมาตรการทั้งหมด เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาหลังปีใหม่ ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างภาษี นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ได้รายงานผลการศึกษาโครงสร้างภาษีระยะแรกมาให้รับทราบ ซึ่งเป้าหมายการปรับโครงสร้างภาษี มี 2 ข้อ คือ ดูแลเรื่องรายได้ของประเทศ และทำให้ระบบภาษีเป็นระบบที่เหมาะสม ลดความเหลื่อมล้ำ ”
สำหรับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน รอบใหม่ในต้นปีหน้า ขณะนี้กำลังพิจารณาหลักเกณฑ์ใหม่ที่จะนำมาใช้ตรวจสอบสิทธิ์ ทั้งผู้ที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.6 ล้านรายเดิม และผู้ที่สนใจสมัครใหม่รับสวัสดิการใหม่ด้วย โดยจะมีเกณฑ์ใช้ตรวจสอบ กลุ่มผู้ที่ควรได้รับสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ชัดเจน และยังคงเกณฑ์รายได้เดิม คือต้องมีรายได้ส่วนบุคคลไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี แต่จะเพิ่มเกณฑ์ครอบครัว หรือการนำรายได้ทั้งครอบครัวเข้ามาคำนวณด้วย เพื่อคัดคนที่มีรายได้เกินเกณฑ์ ผู้มีรายได้น้อยออกไปได้
“เรื่องการเพิ่มสวัสดิการในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผมจะตั้งหน่วยงานขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นต้น โดยสวัสดิการเดิมที่เคยให้ เช่น ช่วยค่าครองชีพ ค่ารถเมล์ ค่ารถไฟฟ้า ยังเหมือนเดิม แต่จะเพิ่มเติมสวัสดิการเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ การลดภาระผู้มีรายได้น้อย และการพัฒนาอาชีพเข้ามาให้ใหม่”.