นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้าหลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้นำเสนอ 4 ทางออกให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา หลังจากที่บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี จังหวัดพิจิตร ฟ้องร้องรัฐบาลไทย หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตาม ม.44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำ จนทำให้ไทยเข้าสู่กระบวนการเบิกความต่อหน้าอนุญาโตตุลาการในวันที่ 18 พ.ย.นี้ ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกงว่า
หลังจากที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ไม่ได้มีมติเลือกแนวทางใดแนวทางหนึ่ง โดยให้กระทรวงอุตสาหกรรมกลับมาเป็นผู้พิจารณา ตนจึงได้สั่งการให้นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ไปพิจารณาข้อดีข้อเสียอย่างละเอียดและหาแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อยุติในเรื่องดังกล่าว โดยต้องไม่ทำให้ประเทศเสียหาย หากแนวทางการไปเจรจากับเอกชนเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ให้ไปเจรจา หรือหากท้ายที่สุดต้องเข้าสู่ขั้นตอนอนุญาโตตุลาการก็ต้องทำตามขั้นตอนต่อไป
นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่า กพร.อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางออกที่ดีที่สุด เพื่อหาข้อยุติ ในเรื่องดังกล่าว โดยต้องไม่ทำให้ประเทศเสียหาย ซึ่งอาจไม่ใช่แนวทางทั้ง 4 ข้อที่ได้นำเสนอ ครม.ไป หรืออาจนำทั้ง 4 ข้อมาพิจารณาร่วมกัน ส่วนแนวทางทั้ง 4 ข้อที่ได้นำเสนอ ครม. รายละเอียดที่เปิดเผยออกมาในหน้าสื่อมวลชนไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด ยังมีรายละเอียดอีก แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นเรื่องซับซ้อน มีเป็นผลต่อการเจรจา หลังจากได้ข้อสรุปที่ดีที่สุดแล้ว จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแนวทางอีกครั้งก่อนวันที่ 18 พ.ย.นี้.