นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว มีผลต่อฐานะทางการเงินของบริษัทจดทะเบียน และอาจทำให้มีการผิดนัดชำระหนี้ เช่น กรณี บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น (PACE) แต่มองว่าประเด็นดังกล่าวเป็นวัฏจักรทางธุรกิจ ดังนั้น จึงมองว่าช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีจะมีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินบริษัท
อย่างไรก็ตาม ทางตลาดหลักทรัพย์ได้ตรวจสอบฐานะการเงินของบริษัทจดทะเบียนมาโดยตลอดส่วนกรณีที่บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่หลายแห่ง ได้ระดมทุนโดยเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual Subordinated Bond) โดยหุ้นกู้ประเภทนี้ มีกำหนดการไถ่ถอน เมื่อครบระยะเวลา ดังนั้น จึงเชื่อว่ากลุ่มบริษัทที่ออกหุ้นกู้ประเภทดังกล่าวจะไถ่ถอนเมื่อครบกำหนด เพราะมองว่าจะไม่มีบริษัทใดที่จะยอมจ่ายดอกเบี้ย 5-6% ต่อเนื่องไปตลอด และเชื่อว่าบริษัทที่ออกหุ้นกู้เหล่านี้ มีความสามารถในการทำกำไร และจะมีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ย
นายภากรยังกล่าวว่า มาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ TAS 32 ที่บังคับใช้ปี 2563 จะส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทจดทะเบียนที่ออกหุ้นกู้ประเภทนี้ปรับเพิ่มขึ้น แต่โดยภาพรวมแล้วอัตราหนี้สินของบริษัทจดทะเบียนในไทย ยังเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำเพียง 1.2-1.3 เท่า ซึ่งลดลงจากในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจการเงินในปี 2540 ที่อยู่ในระดับ 4-5 เท่า โดยอัตราหนี้สินต่อทุนอาจสูงขึ้นบ้าง เพราะมีการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ.