คลังจ่อเสนอ ครม.22 ตุลานี้ “ชิมช้อปใช้” เฟส 2 กำหนดคนลงทะเบียน 2 ล้านคน รอบนี้ขอไม่แจกเงิน 1,000 บาท ชี้อาจคืนเงินเพิ่มให้ถึง 20% หวังจูงใจคนมีกำลังซื้อเข้าร่วมมาตรการ พร้อมลุยหาแนวทางลดภาษี-กองทุนช่วยเหลือคนชั้นกลาง เล็งลดค่าโอน-จดจำนองบ้านไม่เกิน 3 ล้านเหลือ 00.1% เป็นเวลา 6 เดือน
นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) เปิดเผยความคืบหน้ามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว "ชิมช้อปใช้" ระยะที่ 2 หรือ "ชิมช้อปใช้เฟส 2" ว่า ขณะนี้นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ได้มีการพิจารณารายละเอียดโครงการเรียบร้อยแล้ว เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 ต.ค.นี้ หลังจากนั้นจะเปิดให้มีการลงทะเบียนและเดินหน้าโครงการได้ทันที โดยในเฟสใหม่จะเน้นให้กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง ดังนั้น จะไม่แจกเงิน 1,000 บาทแล้ว แต่อาจจะให้เงินคืนเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการใช้จ่ายเงิน
ทั้งนี้ จะเปิดให้ลงทะเบียนในเวลาทำการในช่วงเวลากลางวันแทนช่วงเวลากลางคืน โดยกำหนดจำนวนผู้ลงทะเบียนในชิมช้อปใช้เฟส 2 เพียง 2 ล้านคนเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าเฟสแรกที่กำหนดไว้ 10 ล้านคน เนื่องจากไม่อยากตั้งเป้าไว้สูง แต่ถ้าหากเปิดลงทะเบียนแล้วได้รับกระแสตอบรับดีอาจจะพิจารณาขยายจำนวนลงทะเบียนเพิ่มเติมในอนาคต ขณะที่ผู้ที่ลงทะเบียนในเฟสแรกจะได้รับสิทธิประโยชน์เหมือนกับเฟส 2 ด้วย โดยระยะเวลาดำเนินโครงการจะขยายไปถึง 31 ธ.ค.62 จากเดิมกำหนดไว้ที่ 30 พ.ย.นี้ โดยหวังว่าชิมช้อปใช้ทั้ง 2 เฟสจะกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี
“เป้าหมายชิมช้อปใช้ในเฟส 2 นั้นคลังตั้งเป้าไว้ไม่เหมือนกันในเฟสแรกเพราะอยากเน้นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง ส่วนคนที่ลงทะเบียนในเฟสแรกจะได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากับคนที่ลงทะเบียนในเฟส 2 เช่น คนที่ใช้จ่ายผ่านกระเป๋าเงินช่องที่ 2 ในแอปเป๋าตัง จำนวน 30,000 บาท จะได้รับเงินคืน 15% หากใช้จ่ายเงินมากกว่า 30,000 บาท ถึง 50,000 บาท ก็อาจได้รับเงินคืนเพิ่มเป็นขั้นบันไดถึง 20%”
ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้ในชิมช้อปใช้เฟส 2 นั้น กระทรวงการคลังจะใช้งบประมาณที่เคยขอ ครม.ไว้เดิมที่ใช้ดำเนินการในชิมช้อปใช้เฟสแรกจำนวน 19,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังมีการใช้จ่ายไม่ถึงงบประมาณที่ขอไว้ จึงจะดึง งบประมาณส่วนนี้มาใช้โดยไม่ของบจากรัฐบาลเพิ่มเติม เนื่องจากไม่อยากจะเพิ่มภาระงบประมาณของแผ่นดิน
นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้าจะเรียกกรมบัญชีกลาง มาหารือเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน จำนวน 14.6 ล้านคน ว่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมอะไรบ้าง และจะมีวิธีใดบ้างที่จะคัดกรองคนรวยที่ได้รับบัตรคนจนในเฟสแรกออกไป ซึ่งจะเร่งสรุปเงื่อนไขก่อนเปิดลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่ให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้
“ส่วนมาตรการช่วยเหลือชนชั้นกลาง ได้สั่งให้กรมสรรพากร เร่งสรุป 2 เรื่อง คือเรื่องความชัดเจนของเรื่องกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่ปีนี้จะหมดสิทธิประโยชน์ทางภาษี ว่า จะมีกองทุนใดมาทดแทน มีรายละเอียดเป็นอย่างไร และเรื่องปรับลดภาษีบุคคลธรรมดาให้เอื้อต่อคนชนชั้นกลาง ให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4”
ด้านนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เผยถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุม ครม.ให้กระทรวงการคลังหามาตรการเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการบ้านจัดสรร หลังจากได้รับผลกระทบจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่า ขณะนี้คลังกำลังพิจารณาว่าจะช่วยเหลืออย่างไร และมีมาตรการไหนที่รัฐบาลจะพอช่วยเหลือได้ โดยจะเน้นในกลุ่มที่ต้องการมีบ้านเป็นของตัวเอง หรือบ้านหลังแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า มาตรการที่คลังเตรียมเสนอนายกฯ จะมีลักษณะเดียวกับการช่วยเหลือในกลุ่มบ้านเอื้ออาทร คือ ลดค่าโอนบ้าน และจดจำนองบ้านเหลือ 0.01% จากเดิมจะต้องเสียค่าโอนบ้าน 2% และค่าจดจำนองบ้าน 1% รวมทั้งขยายราคาบ้านให้สูงขึ้นไม่เกิน 3 ล้านบาท จากเดิมในกลุ่มบ้านเอื้ออาทรกำหนดราคาบ้านไม่เกิน 1 ล้านบาท และกำหนดระยะเวลาการช่วยเหลือไว้ไม่เกิน 6 เดือน ทั้งนี้ การลดค่าโอนและค่าจดจำนองบ้านเหลือ 0.01% นั้นจะช่วยลดภาระของคนในกลุ่มซื้อบ้าน โดยถ้าหากบ้านราคา 1 ล้านบาท เดิมจะต้องเสียค่าจดจำนองและค่าโอนประมาณ 30,000 บาท เหลือแค่ 300 บาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากสถิติการลดค่าโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ในอดีตที่ผ่านมาช่วยกระตุ้นยอดขายของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พอสมควร ดังนั้นคาดว่ามาตรการนี้จะส่งผลทำให้ยอดขายกลุ่มสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น และจะช่วยลดภาระให้กลุ่มคนที่ต้องการมีบ้านได้ โดยคาดว่ามาตรการนี้จะสามารถเสนอ ครม.ได้ภายใน ต.ค.นี้.
ข่าวเกี่ยวข้อง