“ชิม ช้อปใช้” สะพัด 8 พันล้าน เฟส 2 เข้าครม.สัปดาห์หน้าเปิดลงทะเบียนทันที

คลังดันสุดลิ่ม “ชิม ช้อป ใช้” เฟส 2 หากผ่านมติ ครม.วันที่ 22 ต.ค.นี้ ลุยเปิด ลงทะเบียนใหม่ทันที ชี้ไม่มีลดหย่อนภาษี ไม่ต้องกังวล 10 ล้านคนแรก ได้รับสิทธิประโยชน์เท่าเฟสสอง เปิดให้เติมเงินผ่านเอทีเอ็ม ขณะที่ยอดใช้จ่าย 19 วันแรก สะพัด 8,282 ล้านบาท ตัดสิทธิ์คนไม่ใช้เงินภายใน 14 วันรวม 439,000 คน

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ได้เสนอแผนมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว “ชิมช้อป ใช้” ระยะที่ 2 หรือเฟส 2 ต่อนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง แล้ว คาดว่าจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ในวันที่ 22 ต.ค.นี้ เมื่อผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ก็จะเปิดให้ลงทะเบียนได้ทันที ผ่านช่องทางเดิม คือ www.ชิมช้อปใช้.com ในช่วงเวลาทำการ

“ชิม ช้อป ใช้เฟส 2 ไม่มีการลดหย่อนภาษีแบบที่เป็นข่าว เนื่องจากจะไม่ดึงกรมสรรพากรมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ส่วนตัวเลขของจำนวนผู้ลงทะเบียนจะต่ำกว่า 5 ล้านคนแน่นอน เนื่องจากมีการประเมินแล้วว่าคนที่เหลือที่ต้องการเข้าโครงการมีไม่มากเท่ากับเฟสแรก เพราะในชิม ช้อป ใช้เฟส 2 มีการตัดเงินในกระเป๋าเงินช่องที่ 1 ซึ่งให้เงินจำนวน 1,000 บาท ส่วนการคืนเงิน (cash back) จะเพิ่มเป็น 20% จากเดิม 15% หรือไม่ ต้องให้ ครม.พิจารณาก่อน แต่จะมีการเพิ่มแรงจูงใจ เพื่อให้คนใช้เงินในกระเป๋าช่องที่ 2 มากขึ้น”

สำหรับเรื่องงบประมาณ ชิม ช้อป ใช้เฟสแรก มีการของบจากรัฐบาล 19,000 ล้านบาท คาดว่าเงินจำนวนนี้ มีการใช้จ่ายไม่ถึงจำนวนเงินที่ขอไว้ ดังนั้นเงินส่วนนี้อาจนำมาใช้ในเฟสที่ 2 โดยกระทรวงการคลัง อาจของบประมาณเพิ่มเติม จากรัฐบาลเพียงเล็กน้อย

“สิทธิประโยชน์ของชิม ช้อป ใช้เฟส 2 กลุ่มผู้ที่ลงทะเบียน 10 ล้านคนแรก จะได้รับสิทธิประโยชน์เท่ากับเฟส 2 ทุกประการ และคนที่ลงทะเบียนเฟสแรกแล้ว คาดว่าจะสามารถใช้เงินในกระเป๋าเงินช่องที่ 2 ที่มีการคืนเงิน 15% สูงสุดไม่เกิน 4,500 บาทต่อเนื่องในเฟสสองได้เลย โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่อีกรอบ”

ขณะเดียวกัน ยอดการใช้จ่าย 19 วันแรกของโครงการ (27 ก.ย.-15 ต.ค.) มีผู้ใช้สิทธิ์ 8.51 ล้านคน มีการใช้จ่าย 8,282 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดใช้จ่ายจากกระเป๋า 1 ที่มีการเติมเงิน 1,000 บาท จำนวน 8,169 ล้านบาท และจากกระเป๋า 2 ที่มีการคืนเงิน 15% ไม่เกิน 4,500 บาท จำนวน 113 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่คนใช้กระเป๋าช่องที่ 2 น้อย คือคนส่วนมากยังใช้เงินในกระเป๋าเงินช่องที่ 1 ไม่ครบ 1,000 บาท และไม่เข้าใจการเติมเงินในกระเป๋าเงินช่องที่ 2 ทำให้ สศค.เตรียมจะเปิดให้โอนเงินผ่านทางตู้เอทีเอ็ม เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนอีกทางหนึ่ง

“มาตรการชิม ช้อป ใช้ ได้ส่ง SMS ยืนยันให้กับผู้ได้รับสิทธิ์ครบ 10 ล้านคนแล้ว มีผู้เข้ายืนยันตัวตน ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รวม 9.60 ล้านคน ยืนยันตัวตนสำเร็จ 9.26 ล้านคน ในจำนวนนี้มีผู้ไม่ยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชันเป๋าตัง 340,000 คน และไม่ใช้สิทธิ์ภายใน14 วัน (วันที่ 23-27 ต.ค.) จำนวน 439,000 คน ซึ่ง สศค.ได้ตัดสิทธิ์แล้ว โดยยอดผู้ที่ไม่ยอมใช้จ่ายเงินจะถูกนำไปเปิดลงทะเบียนในชิม ช้อปใช้เฟส 2 ต่อไป

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวว่า วันหยุดเทศกาลออกพรรษา 3 วันที่ผ่านมา (12-14 ต.ค.) มีประชาชนเดินทางออกไปใช้จ่ายในโครงการชิม ช้อป ใช้จำนวนมาก โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ โดยการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดยาว 3 วัน มียอดรวม 1,842 ล้านบาท

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ ชิม ช้อป ใช้ 1,000 บาท ผ่านกระเป๋า G-Wallet 1 ยังสามารถใช้กระเป๋าในช่อง G-Wallet 2 เพื่อใช้จ่ายในร้านที่ร่วมโครงการ ได้ในทุกจังหวัด ที่ไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน เพื่อรับสิทธิ์เงินคืนจากยอดการใช้จ่ายได้สูงถึง 15% ของวงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาท หรือรับเงินคืนสูงสุด 4,500 บาท โดยมีขั้นตอนในการเติมเงินเพื่อใช้จ่ายผ่าน G-Wallet 2 ที่ง่ายและไม่ซับซ้อน เพียงแตะที่สัญลักษณ์ QR Code อยู่มุมบนซ้ายของแอปพลิเคชันป๋าตัง ภายใต้ชื่อ “เติมเงิน G-Wallet” ก็สามารถใช้โมบายแบงกิ้งของทุกธนาคารสแกน QR Code เพื่อเติมเงิน หรือเติมเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ด้วยโมบายแบงกิ้ง และเอทีเอ็มของทุกธนาคาร เพียงระบุหมายเลข G-Wallet ID 15 หลัก ที่ได้จาก QR Code ก็สามารถนำเงินไปใช้จ่ายได้ทันที จนถึงวันที่ 30 พ.ย.นี้.