ยังไม่โดนเอกชนขอ “ช็อปช่วยชาติ”

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ออกมาจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ โดยจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ประมาณ 3-3.2% โดยรัฐบาลควรที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจตามวงเงินที่ออกมา โดยเม็ดเงินส่วนหนึ่งถูกใช้ทันทีผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และการโอนให้ชาวนาบางส่วน ซึ่งน่าจะมีผลพยุงให้เศรษฐกิจไทยไม่ทรุดตัวรวดเร็ว และควรทำให้เศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 3 ขยายตัวได้ที่ 2.6-2.8%

ทั้งนี้ จะต้องติดตามมาตรการท่องเที่ยวว่าจะมีผลเร็วแค่ไหน รวมทั้งการปล่อยสินเชื่อผู้ประกอบการรายย่อย (SMEs) สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อธุรกิจทั่วไปจะเป็นอย่างไร โดยคาดว่าสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐจะระดมปล่อยสินเชื่อได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 อย่างน้อย 50,000-100,000 ล้านบาท ซึ่งทำให้คาดว่าเงินกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหมดนี้จะถูกใช้ไปในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ประมาณ 100,000-200,000 ล้านบาท ซึ่งน่าจะผลักให้เศรษฐกิจไตรมาสที่ 4 ขยายตัวเป็น 3.5-4%ได้ และทำให้ครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัว 3-3.5% โดยเฉลี่ย ซึ่งเมื่อรวมกับครึ่งปีแรกมีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 3-3.2%

“หากรัฐบาลต้องการให้เติบโตตามเป้าหมาย 3-3.5% จะมีมาตรการอื่นเสริมอีก ได้แก่ มาตรการประกันรายได้เกษตรกร โดยเฉพาะประกันรายได้ข้าวและยาง มาตรการช็อปช่วยชาติในช่วงปลายปี มาตรการเร่งรัดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มาตรการทางการเงิน เพื่อพยุงค่าเงินบาทไม่ให้หลุด 30.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ รวมทั้งคาดการณ์ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่ 4 ปีนี้

ด้านนางสาวณญาณี เผือกขำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนของรัฐบาลที่ออกมาถือเป็นเรื่องดี แต่ไม่ควรมีความซับซ้อน หรือมีเงื่อนไขมากเกินไป ควรเน้นให้มีการใช้จ่ายง่ายเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการลักษณะช็อปช่วยชาติ แต่เน้นไปที่การดูแลสุขภาพ การรักษาพยาบาลของประชาชน โดยให้สามารถนำค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพมาหักลดหย่อนภาษี หรืออาจเรียกว่าช็อปเพื่อชีวิตเหมือนกับการซื้ออุปกรณ์กีฬา หนังสือ ท่องเที่ยว นำมาลดหย่อนภาษีได้”

“จุดเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยอยู่ที่ความมั่นใจของผู้บริโภค เพราะหากมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมก็จะชะลอการจับจ่ายใช้สอย”.