นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา ประธานกรรมการแข่งขันทางการค้า เปิดเผยว่า คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ได้แต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้ประกอบการในหลายธุรกิจ ที่ผู้บริโภคนิยมใช้บริการมาก ทั้งธุรกิจบริการจองห้องพักผ่านออนไลน์, ขายสินผ่านเว็บไซต์ขายสินค้าชั้นนำ, ธุรกิจการให้บริการรถแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชัน รวมถึงธุรกิจโรงพยาบาล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมที่ขัดต่อ พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 ที่เป็นการเอาเปรียบทางธุรกิจ หรือแข่งขันอย่างไม่เสรีและเป็นธรรม ส่งผลให้ผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นเสียหาย
สำหรับธุรกิจจองห้องพักออนไลน์ และขายสินค้าออนไลน์ ได้เชิญผู้บริหารเว็บไซต์และแพลตฟอร์มหลายรายมาสอบถามข้อเท็จจริง เพราะได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของสินค้า และโรงแรม รีสอร์ต รวมถึงคณะกรรมการฯ พบเองว่า เจ้าของเว็บไซต์ และแพลตฟอร์มต่างๆ บังคับให้เจ้าของสินค้าลดราคาสินค้า และห้องพักเพื่อทำโปรโมชัน ซึ่งอาจผิดกฎหมายแข่งขันทางการค้า “ได้สอบถามข้อเท็จจริงว่ามีเงื่อนไขให้นำสินค้าและห้องพักมาขายในเว็บอย่างไร บังคับให้ลดราคาเพื่อทำโปรโมชันจริงหรือไม่ มีการผูกขาด จำกัดการแข่งขัน หรือจำกัดการเข้าสู่ธุรกิจของรายใหม่หรือไม่ เป็นต้น ถ้าพบว่ามีพฤติกรรมที่ขัดกับกฎหมายแข่งขันทางการค้า พ.ศ.2560 จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย”
ส่วนธุรกิจให้บริการรถแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชันนั้น พบว่า ผู้ให้บริการ 2 รายใหญ่ ได้ควบรวมธุรกิจกันในประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยไม่แจ้งให้หน่วยงานกำกับดูแลทราบ อีกทั้งยังได้ปรับขึ้นราคาให้บริการ และจะใช้ราคาเดียวกันทั่วโลก ซึ่งคณะทำงานกำลังพิจารณาว่า พฤติกรรมดังกล่าวส่งผลกระทบกับธุรกิจให้บริการแท็กซี่ในไทยหรือไม่ อย่างไร ขณะที่ธุรกิจโรงพยาบาลนั้น คณะทำงานอยู่ระหว่างศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน เพื่อจะได้รู้ถึงพฤติกรรมว่ามีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมหรือไม่ หากพบว่ามีพฤติกรรมขัดกับกฎหมายแข่งขัน จะต้องชำระค่าปรับทางปกครองไม่เกิน 10% ของรายได้ในปีที่กระทำผิด
นายสกนธ์ กล่าวต่อว่า ยังได้ตั้งคณะทำงานจัดทำไกด์ไลน์ หรือแนวทางปฏิบัติที่เป็นธรรมในการทำธุรกิจแฟรนไชส์ และธุรกิจอื่นๆ เช่น โทรคมนาคม การเงิน ประกัน พลังงาน ฯลฯ และไกด์ไลน์ควบรวมธุรกิจ หลังบังคับใช้ไกด์ไลน์ธุรกิจค้าปลีกไปแล้วเมื่อเร็วๆนี้ เพื่อเป็นแนวปฏิบัติให้ผู้ประกอบธุรกิจแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมมากขึ้น.