เชื่อพื้นฐานไทยแกร่ง-ระเบิดไม่กระทบลงทุน
“อุตตม” เล็งเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ ครม.พิจารณาภายในเดือน ส.ค.นี้ เชื่อมั่นเหตุการณ์ระเบิด กทม.ไม่กระทบการลงทุน ส่วนหุ้นตก 20 จุดไม่น่าหนักใจเพราะพื้นฐาน ศก.ไทย ยังดี พร้อมสั่งทุกหน่วยงานเร่งทำแผนงานให้เสร็จใน 3 เดือน
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะประธานการประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลัง ว่า ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ กระทรวงการคลังจะนำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โดยมาตรการที่จะเสนอนั้นไม่ใช่เพียงมาตรการของกระทรวงการคลัง แต่เป็นของหลายหน่วยงานรวมกันออกมาเป็นแพ็กเกจ ซึ่งเป็นมาตรการของรัฐบาล โดยจะพยายามเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ส.ค.นี้
“ทั้งนี้ มาตรการที่รวมกันเป็นแพ็กเกจออกมาจะเป็นมาตรการระยะยาว ไม่ใช่มาตรการ ระยะสั้น แต่แผนทั้งหมดต้องให้ผ่านการพิจารณาจากรองนายกฯเศรษฐกิจและนายกรัฐมนตรีก่อนจึงจะเปิดเผยรายละเอียดได้”
ส่วนมาตรการของกระทรวงการคลังที่เตรียมไว้ จะต้องประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยรวมถึงมองถึงผลกระทบของสงครามการค้าด้วย โดยมาตรการที่ออกมาจะต้องมาช่วยลดผลกระทบที่เกิดขึ้นทางเศรษฐกิจของไทย อาทิ มาตรการกระตุ้นการลงทุน เร่งรัดการลงทุนหน่วยงานรัฐ มาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก ส่วนมารดาประชารัฐจะเริ่มให้กับกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการ หรือบัตรคนจน เป็นต้น
นอกจากนี้ นายอุตตม ยังกล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดหลายจุดในกรุงเทพมหานครว่า ขณะนี้ได้กำชับให้ปลัดกระทรวงการคลัง และผู้บริหารกระทรวงดูแลความปลอดภัยของทรัพย์สินและกระทรวงให้เรียบร้อย และเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์นี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน เพราะหน่วยงานที่ดูแลความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการที่รองรับอยู่แล้ว
“ส่วนในแง่ของการลงทุนนั้น นักลงทุนมีการติดตามเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตลอดเวลา และเชื่อว่าหากนักลงทุนทราบถึงมาตรการของหน่วยงานภาครัฐที่ดูแลความสงบจะไม่เกิดผลกระทบต่อการลงทุนในภาพรวม”
นายอุตตม กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีตลาดหุ้นติดลบกว่า 20 จุด ในส่วนของกระทรวงการคลังคงยังไม่มีมาตรการอะไรออกมา โดยตนได้หารือกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และเชื่อว่าหุ้นที่ติดลบนั้นไม่ใช่ภาวะรุนแรง เพราะสาเหตุเกิดจากความผันผวนจากเศรษฐกิจโลก และกรณีพิพาทของ 2 ประเทศยักษ์ใหญ่ อเมริกาและจีน ทำให้หุ้นที่ลดลงมานั้นไม่น่าหนักใจ เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังดี
“ในการประชุมผู้บริหารกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้แต่ละกรมกลับไปทำแผนปฏิบัติงานใน 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือน ส.ค.-ต.ค.62 โดยให้ระบุว่าแต่ละหน่วยงานจะทำอะไรบ้าง โดยแผนดังกล่าวต้องเชื่อมโยงกับภารกิจของกระทรวงและนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ ตนจะเดินทางไปเยี่ยมหน่วยงานต่างๆในสังกัดกระทรวงการคลังด้วยตนเอง และหน่วยงานของคลังจะต้องเสนอแผนงานที่เสร็จเรียบร้อยและมีความชัดเจนให้ตนดู”
ส่วนเรื่องงบประมาณประจำปี 2563 ที่กำหนดงบประมาณรายจ่ายไว้ 3.2 ล้านล้านบาท โดยจะมีรายได้ 2.731 ล้านล้านบาท และงบขาดดุลถึง 489,000 ล้านบาทนั้น คิดว่างบประมาณรัฐที่จัดทำไว้นั้น ไม่น่าเป็นห่วงในเรื่องการหารายได้ เพราะกระทรวงการคลัง สามารถจัดหารายได้ชดเชยรายได้ที่หายไปจากการประมูลคลื่น 4 จี ราว 50,000 ล้านบาทได้โดยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นภาษี และงบประมาณปี 2563 ที่วางไว้นั้นเพียงพอรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจ
“ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดขึ้นภาษีตัวใดเพื่อเพิ่มรายได้ รวมถึงในเรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ด้วย ซึ่งยังไม่ได้คิดจะปรับขึ้น แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่คลังจะตัดสินทั้งหมด เป็นเรื่องรัฐบาลด้วย”
นายอุตตม กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องกรอบงบสมดุลนั้น ต้องทบทวนเป็นระยะและดูว่าแผนการคลังระยะปานกลางเป็นอย่างไร หากมีการขาดดุลเพิ่มเติมก็ต้องมาดูว่าเงินที่ขาดดุลเพื่อนำไปลงทุนแล้วจะเกิดประโยชน์ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) อย่างไร โดยยังมองว่างบประมาณของไทยจะต้องมีจุดสมดุล แต่จะเป็นกี่ปีคงต้องมาดูอีกที โดยก่อนหน้านี้ในส่วนของกระทรวงการคลังตั้งเป้าหมายงบสมดุลไว้ 10 ปี คงต้องมาดูกันว่าจะเกิดเร็วขึ้นหรือช้าลงอย่างไร
ด้านนายลวรรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดว่า สำหรับเรื่องความเชื่อมั่นนั้น ถ้าหากมีผลกระทบทางลบคงไม่ดีต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ แต่คิดว่าเหตุการณ์นี้ฝ่ายความมั่นคงของไทยสามารถรับมือได้ และจะเป็นเหตุการณ์ระยะสั้นไม่น่าส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม.