น.ส.พรเพ็ญ สดศรีชัย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า อยู่ในช่วงของการชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยมาจากปัจจัยต่างประเทศ และปัจจัยในประเทศ อย่างไรก็ตาม มองว่าหลังจากเดือน มิ.ย.ที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวต่อเนื่องอีกเดือน ตามการส่งออกของไทยที่จะติดลบต่อเนื่องในไตรมาสที่ 2 ต่อเนื่องจากการติดลบในไตรมาสแรก แต่หลังจากนั้น ในช่วงครึ่งหลังของปีคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ตามการส่งออกที่จะขยายตัวดีขึ้น
“ธปท.มองว่า ในครึ่งปีหลังการขยายตัวของการส่งออก และภาวะเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ดีกว่าปีแรก ส่วนหนึ่งมาจากฐานในปีที่แล้วที่ต่ำ รวมทั้งจะเริ่มมีการลงทุนภาครัฐมากขึ้นขณะที่การส่งออกได้ผลดีจากการย้ายฐานการผลิตจากหลายประเทศ โดยเฉพาะจีนเข้ามาไทย แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องติดตามการเจรจาเพื่อลดผลกระทบหรือยุติสงครามทางการค้าระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศจี 20 ในสุดสัปดาห์นี้ เพราะยังมีความไม่แน่นอนสูง”
“หากพิจารณาผลจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นกระทบการส่งออกและท่องเที่ยวของไทยนั้นจะเห็นว่า การส่งออกที่ลดลงเกิดจากปัจจัยเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าซบเซา และมาตรการการกีดกันทางการค้าที่รุนแรงขึ้น แต่ยอมรับว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลต่อรายได้ของไทยเมื่อแปลงกลับเป็นเงินบาท เช่นเดียวกับภาคการท่องเที่ยวที่อัตราแลกเปลี่ยนหรือราคา จะมีผลต่อด้านการแข่งขัน ซึ่งที่ผ่านมา ธปท.ได้หารือกับผู้ประกอบการให้กระจายความเสี่ยงและป้องกันความเสี่ยงในเรื่องค่าเงินเพิ่มขึ้น”.