กังวลรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ไปไม่รอด ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงยกแผง

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

กังวลรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ไปไม่รอด ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงยกแผง

Date Time: 6 มิ.ย. 2562 18:21 น.

Video

3 มาตรการใหม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ คุมหุ้นร้อนผิดปกติ | Money Issue

Summary

  • ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงยกแผง ม.หอการค้าไทยชี้ ประชาชนกังวลรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ สงครามการค้ายืดเยื้อ และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ จี้รัฐบาลเร่งตั้งครม. มีทีมเศรษฐกิจ เป็นที่ยอมรับ ดึงเชื่อมั่น

Latest


ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงยกแผง ม.หอการค้าไทยชี้ ประชาชนกังวลรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ สงครามการค้ายืดเยื้อ และราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ จี้รัฐบาลเร่งตั้งครม. มีทีมเศรษฐกิจ เป็นที่ยอมรับ ดึงเชื่อมั่นกลับคืน

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่สำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง 2,241 คนทั่วประเทศ ว่า ในเดือนพ.ค.62 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงทุกรายการ ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 19 เดือน นับจากเดือน พ.ย.60 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 64.8 ลดจาก 66.2 ในเดือนเม.ย.62

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางาน อยู่ที่ 73.3 ลดจาก 74.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 95.0 ลดจาก 96.7 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค.62 อยู่ที่ 77.7 ลดจาก 79.2 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบัน อยู่ที่ 52.3 ลดจาก 53.5 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคต อยู่ที่ 88.8 ลดจาก 90.5

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นลดลงทุกรายการ เพราะผู้บริโภคกังวลใน 3 ปัจจัยหลัก คือ เสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาลชุดใหม่ ที่มีเสียงสนับสนุนใกล้เคียงกับฝ่ายค้าน, สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อและขยายไปสู่ในภาคธุรกิจ และราคาสินค้าเกษตรที่ทรงตัวในระดับต่ำ จึงต้องการให้รัฐบาลใหม่แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีความสามารถเป็นที่ยอมรับของสังคม โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา รวมถึงการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณ และเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น ประเมินว่า เงินกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ทุกๆ 10,000 ล้านบาท จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัวได้อีก 0.04% และหากมีเงิน 30,000-50,000 ล้านบาท จะช่วยให้จีดีพีขยายตัวได้อีก 0.1-0.3%

“สถานการณ์ทางการเมือง ประชาชนกังวลมากสุด จากที่รัฐบาลมีเสียงสนับสนุนปริ่มน้ำ และหากมีการเมืองนอกสภา เช่น มีการประท้วง ศูนย์คงต้องปรับเป้าจีดีพีใหม่ จากเดิมที่ประเมินไว้ 3.5% ขณะที่สงครามการค้า หากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และจีนตอบโต้กลับอย่างรุนแรง ก็คงต้องปรับเป้าจีดีพีใหม่เช่นกัน เพราะจะกระทบต่อการส่งออก ราคาสินค้าเกษตร และการท่องเที่ยวของไทย”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์