นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า กบง. มีมติรับทราบร่างแผนก๊าซธรรมชาติ 20 ปี (แก๊สแพลน) ภายใต้แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ 20 ปี (พีดีพี 2018) โดยแผนก๊าซธรรมชาติ ได้ระบุถึงทิศทางค่าไฟฟ้าของประเทศไทยตั้งแต่ 2565 จะถูกลง 15 สตางค์ (สต.) ต่อหน่วย จากปัจจุบันค่าไฟฟ้าฐานอยู่ที่ 3.62 บาทต่อหน่วย เนื่องจากปีดังกล่าว บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ที่ชนะประมูล 2 แหล่งก๊าซธรรมชาติ คือ บงกช และเอราวัณ ในอ่าวไทย ได้สิทธิผลิตก๊าซธรรมชาติ โดย ปตท.สผ.เสนอราคาก๊าซที่ถูกลงทำให้ค่าไฟฟ้า ที่ประชาชนต้องจ่ายถูกลงด้วย และค่าไฟฟ้าที่ถูกลงยังมาจากการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนต่างๆ อาทิ การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
สำหรับรายละเอียดของแผนก๊าซธรรมชาติ 20 ปี ยังกำหนดให้ปลายแผนคือ ปี 2580 ประเทศไทยจะใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้าเพียง 28% จากปริมาณเชื้อเพลิงทั้งหมด คิดเป็น 5,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากปีนี้ใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้า 62% จากปริมาณเชื้อเพลิงทั้งหมด คิดเป็น 5,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งก๊าซดังกล่าวจะมาจากอ่าวไทย แหล่งบนบก และนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน
“ในปี 2580 ประเทศไทยจะนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จำนวน 23 ล้านตัน โดยหลังจากนี้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) จะจัดสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั่วประเทศ หลังจากนั้นจะนำกลับมาพิจารณาใน กบง.อีกครั้ง เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาบังคับใช้ภายใต้แผนพีดีพี 2018 ต่อไป”.