นายเจริญ วังอนานนท์ อุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า ตลาดนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เติบโต 7-8% ขณะที่ในปี 61 มีจำนวน 10 ล้านคนเพิ่มขึ้น 8-8.5% ส่วนในปี 62 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไทยไปต่างประเทศ 10.9-11 ล้านคน เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 8.5-10% คิดเป็นเม็ดเงินที่เกิดขึ้น 330,000 ล้านบาท เป็นจำนวนเพิ่มขึ้นเกือบ 100,000 คน จากปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ต้นทุนของบริษัททัวร์ลดลง 10% จึงสามารถขายแพ็กเกจท่องเที่ยวต่างประเทศได้ถูกลง โดยเฉพาะประเทศแถบยุโรปเหลือเพียงทริปละ 30,000 กว่าบาทต้นๆถึงกลางเท่านั้น บรรดาบริษัทท่องเที่ยวจึงจัดโปรโมชันออกมามากมาย
“หากค่าเงินบาทยังแข็งค่าไปต่อเนื่องเช่นนี้ในปี 2562 ตลาดนักท่องเที่ยวไทยไปต่างประเทศอาจจะเติบโตเกินกว่า 8% เฉพาะไตรมาสแรกของปีนี้ คงมีคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศเกิน 1 ล้านคน เพราะคาบเกี่ยวกับช่วงปิดเทอมขณะที่ไตรมาสที่ 2 จะเติบโตต่อไปเพราะเป็นช่วงมหาวิทยาลัยปิดเทอม”
ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยเสริมจากการที่ตลาดอินบาวด์ หรือตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศ มาไทยเติบโตดี ทำให้มี Charter Flight หรือเที่ยวบินเช่าเหมาลำจากจีนและญี่ปุ่นมายังเมืองไทย เท่ากับมีเที่ยวบินเพิ่มมากขึ้นและนักท่องเที่ยวไทยก็ใช้เที่ยวบินดังกล่าวบินกลับไปเที่ยวยังประเทศเหล่านั้น รวมทั้งยังมีเรื่องของปัญหาฝุ่น หมอกควันในประเทศไทย ที่ส่งผลให้หลายพื้นที่ อาทิ เชียงใหม่ มีปริมาณฝุ่นติดอันดับโลก ประกอบกับอากาศที่ร้อนในเมืองไทย ทำให้คนไทยอยากหนีไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นในต่างประเทศ
สำหรับสถานการณ์คนไทยเที่ยวต่างประเทศในช่วงวันหยุดสงกรานต์คาดว่าจะมีจำนวน 30,000 คน คิดเป็นค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น 900 ล้านบาท โดยการเดินทางไปเองประมาณ 75% ที่เหลือ 25% เดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์
ส่วนใหญ่เดินทางไปญี่ปุ่นและยุโรป เนื่องจากมีช่วงเวลาหยุดหลายวัน.