นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) สั่งการให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินคดีทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวก่อนหมดอายุความว่า มีหลายคดีที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และหลายคดีที่ได้ส่งฟ้องไปแล้วทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญา เพราะมีทั้งคดีทำข้าวหาย ทำข้าวเสื่อมคุณภาพ ฯลฯ และในการประชุมองค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) และหน่วยงานที่เก็บรักษาข้าวรัฐรายงานว่า ได้สรุปคดีทางแพ่ง และส่งให้อัยการไปแล้วทั้งหมดตั้งแต่เดือน ธ.ค. ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของอัยการส่งฟ้องร้องต่อศาล เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้กระทำผิด และทุกคดียังไม่หมดอายุความ
สำหรับข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ที่มีส่วนเหลื่อมทางบัญชีอีก 940,000 ตัน จากข้าวในบัญชี 18.7 ล้านตัน โดยเป็นข้าวนอกบัญชี และไม่ได้ตรวจสอบคุณภาพ นบข.ได้สั่งการให้ตรวจสอบโดยเร็วว่ามีอยู่จริงหรือไม่ และเก็บอยู่ที่ใดบ้าง เพื่อจะได้นำออกมาประมูล ล่าสุด อคส., อ.ต.ก.กำลังตรวจสอบ และกระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ตรวจสอบแล้วตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา อาจได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้
“ข้าวส่วนเหลื่อมทางบัญชี 940,000 ตัน ก็กำลังตรวจสอบ ถ้า อคส.และ อ.ต.ก.บอกว่า ข้าวมีอยู่จริง แต่ขายออกไปแล้ว โดยที่ไม่ได้หักออกจากบัญชี ก็ต้องบอกให้ได้ว่าขายให้ใคร อย่างไร หรือข้าวไปอยู่ที่ใด ถ้าเคลียร์ไม่ได้ก็ต้องรับผิดชอบ แต่คิดว่า ส่วนหนึ่งเป็นข้าวที่นำไปทำข้าวสารบรรจุถุง เพื่อขายให้ประชาชนในราคาถูก ในสมัยรัฐบาลชุดก่อน แต่มีปัญหาทุจริตเกิดขึ้น แล้วผลิตเป็นข้าวถุงไม่ครบตามปริมาณที่อนุมัติให้ทำ ส่วนที่เหลือก็ต้องคืนเข้าหลวง แต่ไม่รู้ว่าผู้ที่นำไปผลิตเอากลับมาคืนหลวงครบหรือไม่ ถ้าไม่ครบก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย”
ทั้งนี้ กรณีมีผู้โจมตีว่ารัฐบาลเอาข้าวดีไปขายเป็นข้าวเสื่อมในราคาถูก เพื่อเอื้อประโยชน์บุคคลบางกลุ่ม ขอยืนยันว่า การระบายข้าวมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ แต่ที่ต้องนำข้าวดีบางส่วนมาขายเป็นข้าวเสื่อม เพราะในคลังเก็บข้าว มีข้าวดีและข้าวเสื่อมปะปนกันมาก หากตรวจแล้วพบว่ามีสัดส่วนของข้าวเสื่อมมากกว่าข้าวดี ก็จะขายข้าวในคลังนั้นเป็นข้าวเสื่อม เพราะหากแยกข้าวดีออกมา ไม่คุ้มค่า มีค่าใช้จ่ายสูงมาก.