การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานประเทศ

แนวโน้มการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ นักลงทุนโฟกัสไปที่ประเทศสิงคโปร์ และเวียดนาม โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ได้รับการยอมรับถึงความตั้งใจและพัฒนาตัวเองเข้าสู่การแข่งขันมากที่สุด

ทั้งการพัฒนาทรัพยากรบุคคลและกฎระเบียบ ที่จะเอื้อต่อการลงทุน คนเวียดนาม ตั้งใจเรียนรู้ด้านภาษามากกว่า 3 ภาษา รัฐบาลเวียดนามออกมาตรการจูงใจนักลงทุนหันไปลงทุนที่เวียดนามทุกวิถีทาง สิ่งเดียวที่เวียดนามยังไม่สามารถพัฒนาเทียบคู่แข่งอย่าง สิงคโปร์ ได้ก็คือ โครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งในระยะเวลาอีกไม่เกิน 5 ปีข้างหน้าเวียดนามจะเป็นประเทศคู่แข่งที่น่ากลัวมากที่สุดในภูมิภาคนี้

ประเทศไทยได้เปรียบเวียดนามและประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ มีการพัฒนาก่อนประเทศในอาเซียน เพราะประเทศไทยไม่เคยเกิดสงครามกลางเมืองโดยเฉพาะสงครามลัทธิที่ไทยสามารถเอาชนะได้ในเวลาอันรวดเร็ว

แต่ประเทศไทยกำลังติดกับดักตัวเอง

โดยเฉพาะ วิกฤติการเมือง ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศล้าหลังมากกว่าที่คาดคิด วันนี้ประเทศไทยกำลังมีโอกาสที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไปในอีกระดับ การสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งมีบริษัทของไทยและพันธมิตรกับบริษัทต่างชาติสนใจเข้าประมูลกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณา ทีโออาร์ ด้านต่างๆ

ปรากฏว่า โครงการดังกล่าวถูกจับตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการรถไฟแห่งประเทศไทย ในฐานะเจ้าของสัมปทานได้ออกมาให้ข่าวหลายครั้ง และบางครั้งก็สร้างความสับสนว่า การประมูลมีอุปสรรค เช่นระยะเวลาในการประมูล ซึ่งผ่านขั้นตอนแรกมาแล้ว เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นการเจรจาครั้งที่ 2 ตามกรอบการเจรจา 6 เดือน แต่ดูเหมือนว่า การรถไฟจะให้โครงการประกวดราคาจบภายในกลางเดือนนี้ ทั้งๆที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ต้องการความละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ การเจรจาก่อสร้างรถไฟ ในประเทศจีน ยังใช้เวลาเจรจาเกือบ 2 ปี

ในขณะเดียวกันเงื่อนไขการเจรจาถูกนำมาเปิดเผยเป็นรายวันทั้งที่ตามกติกาแล้ว ข้อมูลการประมูลของแต่ละฝ่ายซึ่งเป็นข้อเสนอทางด้านเทคนิคและผลตอบแทนจะต้องเป็นความลับจนกว่าการประมูลจะสะเด็ดน้ำแล้ว

โครงการนี้เป็นโครงการร่วมมือระหว่าง รัฐและเอกชน ในรูปแบบ PPP ที่จะต้องรับผลประโยชน์และความเสี่ยงด้วยกันแต่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงในลักษณะที่ว่าอาจทำให้รัฐเสียค่าโง่

มีคำถามตามมาว่า เหตุใดซีพีต้องเสนอเงื่อนไขประกอบการเสนอราคา คำตอบก็คือเพราะกรอบวงเงินที่ ครม.เสนอมานั้น หากจะนำไปใช้ในการลงทุนจะต้องกู้จากแบงก์ โดยดอกเบี้ยต้องไม่สูงเกินไป แต่การกู้เงินจากธนาคารในระยะแรกนั้นแบงก์จะคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงโดยคำนวณจากจำนวนผู้โดยสารที่คาดว่าจะยังใช้บริการน้อยให้ผลตอบแทนกับโครงการไม่ได้ตามเป้าหมายถือว่ามีความเสี่ยงสูงดอกเบี้ยก็จะสูงตามมาด้วย

งบประมาณโครงการนี้ สูงนับแสนล้านบาท การเจรจาไม่ใช่ของเด็กเล่น โดยเฉพาะ ปัจจัยความเสี่ยง ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ที่สำคัญคือ ความน่าเชื่อถือ ถ้าพลาด ชื่อเสียงของประเทศ ก็จะพลอยย่อยยับไปด้วยเช่นกัน.

หมัดเหล็ก

mudlek@thairath.co.th