นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีที่กรมสรรพสามิตเตรียมเก็บภาษีความเค็มว่า ได้สั่งการไปยังกรมสรรพสามิต ไม่ต้องเร่งรีบเก็บภาษีความเค็ม หลังจากที่กรมได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดเก็บภาษีความเค็ม เนื่องจากสินค้าที่เข้าข่ายเสียภาษีความเค็มในท้องตลาดนั้น มีน้อยมาก และอาจทำให้การศึกษาเก็บภาษีดังกล่าว เสียเวลาเปล่า เนื่องจากตนต้องการให้กรมสรรพสามิตใช้เวลาในการศึกษาการเก็บภาษีรูปแบบใหม่ๆแทนมากกว่า เช่น ภาษีสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
“การเก็บภาษีความเค็มมีผู้ประกอบการเสียภาษีไม่กี่ราย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และหากมีการเก็บจริง ก็อาจจะกระทบกับประชาชนที่มีรายได้น้อย จึงอยากให้กรมสรรพสามิตไปศึกษาเรื่องการเก็บภาษีอย่างอื่นแทนดีกว่าการคิดจะเก็บภาษีมาม่า อีกทั้งในอนาคต กระทรวงการคลังคงไม่มีการขึ้นอัตราภาษีให้สูงขึ้น แต่จะดำเนินการ 2 วิธีคือ 1.เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี ให้เก็บรายได้มากขึ้น ซึ่งหมายความว่า คนที่อยู่นอกระบบการเสียภาษีจะต้องเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น และ 2.การเพิ่มประเภทการจัดเก็บภาษีใหม่ๆ เช่น ภาษีสินค้าออนไลน์ ภาษีสิ่งแวดล้อม เป็นต้น”
นายอภิศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย โดยผลการจัดเก็บรายได้เดือน ต.ค.61 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 62 รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 206,452 ล้านบาท สูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 10,462 ล้านบาท หรือ 5.3% แสดงให้เห็นว่า การจัดเก็บรายได้ยังเป็นไปตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่เนื่องจากรัฐบาลมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่หลายแสนล้านบาท จึงทำให้ในช่วง 10 ปีข้างหน้า รัฐบาลยังจำเป็นต้องตั้งงบประมาณแบบขาดดุลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจต่อไป.