มั่นใจผุดผืนป่า26ล้านไร่ใน10ปี
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากที่กฎกระทรวงพาณิชย์กำหนดให้ทรัพย์สินอื่นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ.2561 ภายใต้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ตนได้นำคณะผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์เดินทางไปยังธนาคารต้นไม้บ้านท่าลี่ ชุมชนที่เป็นธนาคารต้นไม้แห่งแรกของไทยใน จ.ขอนแก่น เพื่อสร้างการรับรู้และชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ โดยได้แนะนำให้เกษตรกร ประชาชนปลูกไม้ยืนต้นในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตัวเอง เพราะในอนาคตจะสามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้
“เมื่อก่อนไม้ยืนต้นที่ปลูกในที่ดินจะไม่ได้รับการประเมินในการให้สินเชื่อ จะประเมินเฉพาะส่วนที่เป็นที่ดินเท่านั้น แต่หลังจากที่กฎกระทรวงฯ มีผลบังคับใช้ ทำให้สถาบันการเงินสามารถเพิ่มประเภททรัพย์สินในการให้สินเชื่อมากขึ้น ส่งผลดีทั้งต่อสถาบันการเงิน เกษตรกรและประชาชนที่ต้องการใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการขอสินเชื่อ โดยมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน”
นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมให้เกษตรกรและคนในชุมชนรวมกลุ่มกันสร้าง “ชุมชนไม้มีค่า” ตามแนวนโยบายประ ชารัฐและไทยนิยมยั่งยืนของ รัฐบาล เพื่อส่งเสริมให้ปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจในที่ดินกรรมสิทธิ์หรือที่ดินที่มีสิทธิ์ในการใช้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของชุมชน และยังช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าซึ่งเป็นแหล่งออกซิเจนให้แก่ประเทศ ลดภาวะก๊าซเรือนกระจกที่เป็นปัญหาระดับโลก โดยรัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายให้เกิดชุมชนไม้มีค่า 20,000 ชุมชน ภายใน 10 ปี ส่งเสริมและขยายผลให้ประชาชน 2.6 ล้านครัวเรือนปลูกต้นไม้รวม 1,000 ล้านต้น ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น 26 ล้านไร่ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 1 ล้านล้านบาทต่อปี
ขณะเดียวกันได้เตรียมพัฒนาพื้นที่ปลูกป่าทั่วประเทศให้เป็นแหล่ง “คาร์บอนเครดิต” ของโลกเพื่อการซื้อขายในอนาคต โดยคาร์บอนเครดิตเป็นสินค้าชนิดหนึ่งที่สามารถตีราคาเป็นเงิน และซื้อขายกันได้ในตลาดเฉพาะที่เรียกว่า “ตลาดคาร์บอน” ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในไทย แต่ในอนาคตจะมีการซื้อขายมากขึ้น.