นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็น นายพาที สารสิน ออกมาระบุว่ามีการถือหุ้นแทนในสายการบินนกสกู๊ตว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ต้องตรวจสอบและกำกับดูแลการทำธุรกิจของนกสกู๊ตว่าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
นายจุฬา สุขมานพ ผอ.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า ได้ประสานไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อขอเอกสารโครงสร้างผู้ถือหุ้นมาพิจารณา หากเห็นว่ามีข้อสงสัยก็จะเชิญนายพาที สารสิน มาสอบถามว่าที่พูดว่าเป็นนอมินีหมายความว่าอย่างไร หากนายพาทียอมรับว่าถือหุ้นแทนต่างชาติจริง ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย อาจถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศ (เอโอแอล) ของนกสกู๊ต
“ผมได้ทำหนังสือไปที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอรายละเอียดโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดของนกสกู๊ตมาตรวจสอบ ว่า มีปัญหานอมินี หรือมีคนไทยแอบถือหุ้นแทนต่างชาติหรือไม่ ตามกฎหมายกำหนดให้สายการบินที่จดทะเบียนในไทย ต้องมีคนไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่า 51% หากพบว่านิติบุคคลอื่นถือหุ้นในนกสกู๊ต ก็ต้องดูลึกลงไปว่า นิติบุคคล ตามโครงสร้างเป็นบริษัทไทยหรือไม่ คาดว่าจะสรุปผลได้ในเดือน ก.ย. หากพบว่าเสี่ยงเข้าข่ายนอมินี ก็ต้องเชิญนายพาที สารสิน มาสอบข้อเท็จจริง”
สำหรับปัญหาฐานะทางการเงินของสายการบินนกแอร์ ซึ่งที่ขาดทุน และมีปัญหาเรื่องกระแสเงินสด แต่ยังมีมูลค่าทางการตลาด เพราะยังมีสินทรัพย์ เช่น เครื่องบิน ฯลฯ โดย จากนี้ไปต้องดูว่านกแอร์จะหาผู้ร่วมทุนรายใหม่ได้หรือไม่หรือมีปัญหาการขาดทุนเพิ่มเติม หรือเลิกจ้างพนักงานหรือไม่ หากมีปัญหามากขึ้น จนทำให้ฐานะนกแอร์มีความเสี่ยงมากขึ้น กพท.อาจต้องสั่งให้ชะลอการขายตั๋วล่วงหน้า แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องสั่งหยุดทำการบิน แต่หากมีปัญหาร้ายแรงจนต้องหยุดบิน ก็มีมาตรการคุ้มครองดูแลผู้โดยสารตามกฎหมายที่กำหนดให้ทุกสายการบินต้องวางเงินหลักประกันการดูแลผู้โดยสารไว้ที่ กพท.เพื่อใช้ในการชดเชย ให้ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากการทำการบิน.