พาณิชย์ คาด สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ทำเศรษฐกิจโลกซบเซา กระทบส่งออกไทยทางอ้อมไตรมาส 4 ปีนี้ เหตุสินค้าไทยอยู่ในห่วงโซ่การผลิตสินค้าทั้งโลก จับตาปัจจัยเสี่ยง ราคาน้ำมัน...
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงสงครามการค้าโลก ว่า สนค. ประเมินว่า จะเริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยทางอ้อมในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงการสั่งซื้อสินค้า และมาตรการที่สหรัฐฯ และจีน ขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างกันทยอยมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้หลายประเทศที่ไทยส่งออกสินค้า จะได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการทางภาษี โดยที่ผ่านมาสินค้าไทยได้รับผลกระทบโดยตรงจากการส่งออกไปสหรัฐฯ แล้ว คือ แผงโซลาร์เซลล์ เครื่องซักผ้า เหล็ก และอะลูมิเนียม ส่วนกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วน ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวน หากประธานาธิบดีตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้า น่าจะเริ่มใช้ในช่วงต้นปี 62 เป็นต้นไป
“ที่น่ากังวลขณะนี้ คือ ผลกระทบทางอ้อมที่ไทยจะได้รับ จากการที่สินค้าไทยอยู่ในห่วงโซ่การผลิตสินค้าของทั้งโลก รวมถึงของสหรัฐฯ และจีนด้วย ซึ่งการที่ทั้ง 2 ประเทศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกัน จะทำให้การส่งออกสินค้าระหว่างกันมีอุปสรรค และสินค้าวัตถุดิบ และกึ่งสำเร็จรูปจากไทย ที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตสินค้าของทั้ง 2 ประเทศ จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ขณะเดียวกันจะทำให้การค้าโลก และเศรษฐกิจโลกซบเซา เพราะผู้ส่งออกและผู้นำเข้าทั่วโลกไม่สามารถวางแผนได้ว่าจะหาตลาดใดทดแทน เพราะทั่วโลกก็ถูกสหรัฐฯ ใช้มาตรการขึ้นภาษีสินค้าเหมือนกันหมด ซึ่งไทยต้องเตรียมแผนรับมือ และติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด”
สำหรับกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศเตรียมขึ้นภาษีสินค้าจีนลอตใหม่อีกกว่า 6,000 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอัตรา 10% นั้น ได้ประเมินเบื้องต้น พบว่า สินค้าจากจีนที่จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษี มีสินค้าเกษตร เครื่องนุ่งห่ม สินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าไฮเทคโนโลยี โดยมองว่าน่าจะเป็นโอกาสของไทยในการส่งออกสินค้าเกษตรไปสหรัฐฯ ทดแทนสินค้าจากจีนได้ อย่างไรก็ตาม ปีนี้ การส่งออกไทยคงไม่น่าจะได้รับผลกระทบทางตรงจากสงครามการค้า และน่าจะเติบโตได้ 9% จากปีก่อน แต่ต้องจับตาอีกปัจจัยเสี่ยงคือ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่ลดลงมาอยู่ 70 เหรียญฯ/บาร์เรล ซึ่งจะกระทบต่อสินค้าในกลุ่มเกี่ยวข้องกับน้ำมัน.