พิชัย เห็นด้วย รมว.คลัง คงอัตราดอกเบี้ย ทำค่าบาทอ่อน ฟื้นเศรษฐกิจ และทำให้ราคาสินค้าเกษตรเพิ่ม แนะ “บิ๊กตู่” เร่งปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยและการกู้ภัย ชี้ ต้องมองนักท่องเที่ยวเป็นลูกค้ารายใหญ่
วันที่ 10 ก.ค. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว. คลัง ที่อยากให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน อย่าเพิ่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วนัก ตามกระแสการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และของโลก ทั้งนี้ เพื่อทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทของไทยอ่อนค่าลงเพื่อช่วยให้การส่งออกที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา สามารถฟื้นต่อไปได้ อีกทั้งสภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังไม่ได้ดีนัก การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะทำให้เศรษฐกิจที่เพิ่งจะเริ่มฟื้นหลัง 4 ปี อาจหยุดชะงักได้ และค่าเงินบาทที่อ่อน จะช่วยทำให้ราคาสินค้าเกษตรราคาสูงขึ้น ทำให้รายได้ของเกษตรกรเพิ่มขึ้น โดยอาจจะต้องจับตาดูการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ว่า จะขึ้นอีกเมื่อไหร่และอีกกี่ครั้ง รวมถึงการไหลออกของเงินตราต่างประเทศ ถ้าหากไม่มากนัก ก็อยากเห็นค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับประเทศมากกว่า นอกจากว่า จะมีผลกระทบอย่างรุนแรงจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงค่อยพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย และอยากให้จับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด และเห็นว่าในภาวะสงครามการค้า ค่าเงินบาทที่อ่อนจะทำให้ไทยได้เปรียบมากกว่า
นอกจากนี้ อยากฝากให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งปรับปรุงระบบการรักษาความปลอดภัย และการกู้ภัย หลังจากที่มีหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จากอุบัติเหตุทางเรือ ที่ไม่มีระบบการเตือนภัยและป้องกันความเสี่ยงในภาวะอากาศที่แปรปรวน ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกับที่เกิดที่ถ้ำหลวงที่ระบบการเตือนภัยไม่ดีเช่นกัน ทั้งนี้ การรับมือกับเหตุการณ์ร้ายแรงยังไม่ดีอย่างมาก ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับการรับมือในเหตุการณ์สึนามิ ที่จังหวัดภูเก็ต ที่ได้รับคำชมเชยจากทั้งโลก ตรงกันข้ามกับที่ พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ออกมาอ้างว่า รัฐบาลทำงานได้ดีกว่าเหตุการณ์สึนามิ ที่จังหวัดภูเก็ต การที่เอกอัครราชทูตจีน รัฐมนตรีของจีน ตลอดจนประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ต้องออกมาจี้รัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหา และถึงปัจจุบันก็ยังตามหาผู้ที่สูญหายไม่ครบ ทำให้ประเทศไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เหตุการณ์เกิดขึ้น 4 วัน แล้ว พลเอกประยุทธ์ ถึงจะเพิ่งลงไปดู อีกทั้ง ครม. ท่านอื่นก็ไม่ได้ใส่ใจแก้ไข จนผู้ประสบเหตุที่รอดชีวิตไปโวยกับทีวีของประเทศจีน ต้องไม่ลืมว่า รายได้จากการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจของประเทศ มาตลอด 4 ปีนี้ หากไม่ได้รายได้จากการท่องเที่ยวนี้ เศรษฐกิจไทยคงทรุดหนักยิ่งกว่านี้มาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกปี ดังนั้นการดูแลนักท่องเที่ยวให้เปรียบเสมือนเป็นลูกค้าชั้นดีจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นหลักคิดทางการค้าที่รัฐบาลนี้อาจจะมีน้อย จริงอยู่คงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์ร้ายเกิด แต่เมื่อเกิดแล้วต้องมีระบบการรับมือที่ดี ซึ่งจะสะท้อนถึงความมีประสิทธิภาพของรัฐบาลด้วย