นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากการแก้ปัญหาทางขับ หรือแท็กซี่เวย์ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ที่เกิดปัญหาแอสฟัลต์ หรือยางมะตอยชนิดพิเศษหลุดร่อนออกจากผิวทาง จนสมาพันธ์นักบินนานาชาติได้มาออกคำเตือนว่า มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการใช้งานนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอยืนยันว่า มีปัญหาเฉพาะผิวทางที่เทด้วยแอสฟัลต์เท่านั้น ไม่ได้กระทบฐานรากที่มีความมั่นคงแข็งแรง โดย ทอท.ได้ทยอยซ่อมผิวทางไปแล้วกว่า 60% โดยแบ่งการซ่อมเป็น 2 แบบ คือ 1.การซ่อมแบบสั้นผิวทาง ด้วยการขูดแอสฟัลต์เดิมออก 5 เซนติเมตร (ซม.) และเททับใหม่ลงไป ซึ่งการซ่อมแบบนี้จะใช้งานได้ 1-2 สัปดาห์แล้วก็ต้องซ่อมอีกครั้ง และ 2.การซ่อมแบบยาว สำหรับผิวทางที่เสียหายรุนแรง จะมีการซ่อมโดยการขุดลึก 33 ซม. และเทแอสฟัลต์ใหม่ ซึ่งต้องซ่อมเป็นทางยาวอย่างน้อยครั้งละ 2,000 ตารางเมตร และจะมีอายุการใช้งานได้ 5-7 ปี โดยจะซ่อมแซมทั้งหมดแล้วเสร็จไม่เกินเดือน ส.ค.นี้
นอกจากนี้ ทอท.ยังมีแผนที่จะซ่อมผิวทางแบบถาวร โดยก่อสร้างด้วย คอนกรีต ซึ่งมีความแข็งแรงมาก และมีอายุการใช้งานนาน 10 ปี บนพื้นที่ทั้งหมด 700,000 ตร.ม. วงเงิน 2,500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำเงื่อนไข การประกวดราคา (ทีโออาร์) คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ต.ค.61 จากนั้นจะเปิด ประมูลหาเอกชนเข้ามาดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ช่วงปลายปี 62 จะใช้เวลาดำเนินการก่อสร้าง 3 ปี เนื่องจากไม่สามารถทำพร้อมกันทั้งหมดได้ แต่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการจราจร เพราะเมื่อถึงเวลานั้นพื้นที่เสียหายรุนแรงที่ถูก ซ่อมด้วยแอสฟัลต์ลึก 33 ซม.นั้น ก็เสร็จเรียบร้อยสามารถใช้งานได้ปกติ ประกอบ กับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 ก็จะแล้วเสร็จ ทำให้มีหลุมจอดเพิ่มขึ้นเพียงพอต่อจำนวนเที่ยวบินที่ขึ้นและลงวันละกว่า 1,000 เที่ยวบินแน่นอน.