กังวลราคาน้ำมัน-ของแพง ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค.ร่วง!!

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

กังวลราคาน้ำมัน-ของแพง ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค.ร่วง!!

Date Time: 5 มิ.ย. 2561 15:08 น.

Video

ล้วงลึกอาณาจักร “PCE” สู่บริษัทมหาชน ปาล์มครบวงจร | On The Rise

Summary

  • ม.หอการค้าฯ เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค. ปรับร่วง กังวลน้ำมันแพง ค่าครองชีพ รวมถึงการเมืองไม่นิ่ง การกำหนดวันเลือกตั้ง ชี้หากครึ่งปีหลังกระเตื้อง จะหนุนเศรษฐกิจไทยปี 61 โตแตะระดับ 4.5%...

Latest


ม.หอการค้าฯ เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค พ.ค. ปรับร่วง กังวลน้ำมันแพง ค่าครองชีพ รวมถึงการเมืองไม่นิ่ง การกำหนดวันเลือกตั้ง ชี้หากครึ่งปีหลังกระเตื้อง จะหนุนเศรษฐกิจไทยปี 61 โตแตะระดับ 4.5%...

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน พ.ค. 61 ว่า อยู่ที่ 80.1 จาก 80.9 ในเดือน เม.ย.61 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 66.9 จาก 67.8 ในเดือน เม.ย.61 ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำอยู่ที่ 75.2 จาก 75.8 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 98.3 จาก 99.1

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือน พ.ค. ปรับลดลงจากปัจจัยสำคัญผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับจิตวิทยาที่ 30 บาท/ลิตร แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันได้เริ่มลดลงแล้ว ประกอบกับรัฐบาลส่งสัญญาณตรึงราคาน้ำมันไม่ให้ปรับตัวสูงเกินกว่า 30 บาท/ลิตร ดังนั้นปัจจัยนี้อาจเป็นเพียงสถานการณ์ชั่วคราวเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ผู้บริโภคมีความกังวลเรื่องค่าครองชีพ ซึ่งการสำรวจในเดือน พ.ค. พบว่าดัชนีค่าครองชีพในปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 47 เดือน เป็นผลจากความกังวลเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อราคาสินค้าอื่นๆ ให้ปรับขึ้นราคาตามไปด้วย ขณะเดียวกันยังดูได้จากอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มไต่ระดับสูงขึ้นกว่า 1% รวมถึงปัจจัยที่ผู้บริโภคมีความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศที่ยังไม่นิ่ง โดยเฉพาะกำหนดเวลาการเลือกตั้งยังเป็นไปตามกำหนดในเดือน ก.พ.62 หรือไม่

อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับปัจจัยเดิมในเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับช่วง 4 ปีก่อน จึงทำให้กำลังซื้อในต่างจังหวัดยังไม่โต หรือยังไม่กลับมาเต็มที่ เพราะเศรษฐกิจเพิ่งเริ่มฟื้นตัว และยังเป็นการโตแบบกระจุก ไม่กระจาย โดยต้องรอดูตัวเลขอีกประมาณ 2-3 เดือนว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะกลับมาปรับตัวดีขึ้นหรือไม่

“หากผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความมั่นใจอย่างต่อเนื่อง ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมือง ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวแบบกระจายตัวมากขึ้นภายในไตรมาสที่ 2-3 ของปีนี้ จะส่งผลให้ผู้บริโภคเริ่มกลับมามีความมั่นใจในการบริโภคสินค้าและบริการมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ น่าจะมีส่วนสำคัญทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวเด่นชัดขึ้นได้ในปลายไตรมาสที่ 2 หรือต้นไตรมาสที่ 3 และเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้เศรษฐกิจไทยปี 2561 ขยายตัวได้ใกล้เคียงระดับ 4.5%

ขณะที่ปัจจัยบวก จากการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เผยอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ในไตรมาส 1/61 เติบโต 4.8% เพิ่มสูงสุดในรอบ 5 ปี พร้อมปรับคาดการณ์ GDP ปี 61 เป็น 4.2-4.7%, คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.5%, การส่งออกในเดือน เม.ย.เพิ่มขึ้น 12.34% และเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อย

ส่วนกระแสการปรับ ครม.ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจหรือไม่นั้น มองว่าขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีที่จะมาใหม่สามารถขับเคลื่อนงานได้ตามนโยบายหรือยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลวางไว้หรือไม่ ซึ่งหากเป็นบุคคลที่ประชาชนให้ความเชื่อมั่นและยอมรับว่าจะสามารถสานต่อนโยบายของรัฐบาลได้อย่างต่อเนื่อง จะมีผลต่อเศรษฐกิจในเชิงบวก ในทางตรงกันข้ามหากบุคคลที่เข้ามาใหม่ไม่เป็นที่ยอมรับหรือไม่เชื่อมั่นจากประชาชน จะส่งผลในเชิงลบต่อเศรษฐกิจได้.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์