นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมติดตามสถานการณ์การค้าเหล็กและอะลูมิเนียมอย่างใกล้ชิด หลังจากที่สหรัฐฯได้ประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บอากรนำเข้ากับสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากทั่วโลกในอัตรา 25% และ 10% ตามกฎหมาย Trade Expansion Act of 1962 มาตรา 232 โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้สินค้าทั้ง 2 รายการที่สหรัฐฯขึ้นภาษี ทะลักเข้าสู่ไทย
ทั้งนี้ หากพบว่าสินค้าจากทั่วโลกที่ถูกสหรัฐฯใช้มาตรการทะลักเข้ามาในไทยอย่างมีนัยสำคัญและก่อให้เกิดความเสียหายแก่อุตสาหกรรมภายใน กระทรวงจะพิจารณากำหนดมาตรการเยียวยาตามขอบเขตของกฎหมายที่ไทยบังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ทั้งการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) และมาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) และอาจจะมีการใช้มาตรการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ไทยจะเร่งเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อขอยกเว้นการใช้มาตรการ 232 กับประเทศไทย และกับสินค้าบางพิกัดของไทย
“ยืนยันว่า รมว.พาณิชย์ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ดังกล่าวและสั่งให้กรมการค้าต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้กระทรวงพาณิชย์ ติดตามและศึกษาผลกระทบอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมแผนการเพื่อเจรจากับรัฐบาลของสหรัฐฯในการขอยกเว้นการใช้มาตรการดังกล่าวกับไทยแล้ว โดยสินค้าเหล็กที่ไทยได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการเก็บอากรนำเข้าของสหรัฐฯ คือ ท่อเหล็ก และเหล็กแผ่นรีดเย็น แต่ในระยะสั้นสินค้าไทยจะกระทบไม่มากนัก เนื่องจากราคาเหล็กในสหรัฐฯได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้สินค้าของไทยยังสามารถแข่งขันได้”.