นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลก กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่จากข้อมูลการจดทะเบียนธุรกิจกับกรมฯ พบว่ามีผู้ประกอบธุรกิจดูแลผู้สูงอายุราว 800 ราย เป็นนิติบุคคล 200 ราย มีทุนจดทะเบียนรวม 2,282.97 ล้านบาท และเป็นบุคคลธรรมดาราว 600 ราย โดยมีธุรกิจที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพบริหารจัดการเพียง 75 รายเท่านั้น แบ่งเป็นนิติบุคคล 35 ราย และบุคคลธรรมดา 40 ราย ขณะเดียวกัน ธุรกิจบริการสุขภาพของไทยจำนวนมากยังเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ทำให้ผู้รับบริการยังไม่เชื่อมั่น
กรมฯ จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการของธุรกิจดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “การบริหารจัดการธุรกิจบริการสุขภาพสำหรับธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ รุ่นที่ 1” วันที่ 1 พ.ย.-7 ธ.ค. โดยผู้เข้าอบรมจะได้รับการพัฒนาทักษะความรู้ด้านต่างๆจากผู้เชี่ยวชาญ อาทิ โมเดลธุรกิจ, การบริหารจัดการตลาดที่ทันสมัยด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆมาปรับใช้กับธุรกิจ เป็นต้น เพื่อรองรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุของโลกได้ และยังมีโอกาสเข้าสู่ธุรกิจนี้อีกมาก เพราะผู้สูงอายุต่างชาติ มองไทยเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะเดินทางมาใช้บริการและพำนัก เพราะมีสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ค่าครองชีพไม่สูง และการบริการที่ประทับใจ ถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของธุรกิจบริการในไทย จึงทำให้ได้เปรียบ และมีโอกาสมากกว่าประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า ในปี 63 ไทยจะมีประชากรอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปถึง 12 ล้านคน คิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า ไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว ขณะที่ประเทศฝั่งยุโรป และประเทศที่ใกล้ชิดกับไทยอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ จีน ได้ก้าวสู่สังคมแห่งผู้สูงอายุแล้วเช่นกัน.