นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังเปิดงาน “สัปดาห์ประกันภัยปี 2560” หรือ Insurance Expo 2017 และปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “โอกาสและความท้าทายของเทคโนโลยีประกันภัย สู่อนาคตไทย” ว่า เมื่ออุตสาหกรรมประกันภัยต้องใช้เทคโนโลยี เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงระบบประกันมากขึ้น คปภ.จึงต้องกำกับดูแล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งลูกค้าผู้เอาประกัน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้าสู่ระบบประกันรายใหม่จาก 800,000 คนต่อปีในปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านล้านคนในช่วง 3 ปีข้างหน้าตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยต้องหาแนวทางให้สังคมรับรู้ถึงความสำคัญว่าการทำประกันเพื่อบริหารความเสี่ยงบุคคลในยุคการใช้เทคโนโลยีและระบบออนไลน์เข้าถึงประกัน
นอกจากนี้ ต้องการเน้นย้ำให้ผู้บริหารธุรกิจประกัน สถาบันการเงินให้ความสำคัญด้านจริยธรรม หลังเกิดปัญหาธนาคารรายย่อยบางแห่งอาศัยช่องว่างทางกฎหมายในการหักภาษี ณ ที่จ่าย 15%ของผู้มีรายได้จากดอกเบี้ย กรณีรับดอกเบี้ยเงินฝากไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี จะได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้น เมื่อลูกค้าได้รับดอกเบี้ยเกิน 20,000 บาทต้องเสียภาษี ดังนั้นจึงแนะนำให้ลูกค้าปิดบัญชีเล่มเก่าแล้ว เปิดบัญชีเล่มใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือว่าเป็นการทำผิดจริยธรรม จึงสั่งการให้กรมสรรพากรหาช่องทางปิดช่องโหว่ดังกล่าวด้วยการหักรายได้จากดอกเบี้ยทันทีแล้วมาขอคืนค่าดอกเบี้ยหากมีรายได้ไม่เกิน 20,000 บาทต่อปี
นายอภิศักดิ์กล่าวว่า แม้ธุรกิจประกันจะเติบโตต่อเนื่อง แต่ยอมรับว่า สัดส่วนการเอาประกันยังต่ำกว่าหลายประเทศที่พัฒนาแล้วนับ 10 เท่า ดังนั้น จึงอยากให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมประกันและสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ส่งเสริมการรับรู้การทำประกันให้กับประชาชนมากขึ้น เพราะประกันถือเป็นแหล่งสะสมเงินทุนของประเทศระยะยาว ปัจจุบันมีสภาพคล่องของบริษัทประกันจำนวนมาก ดังนั้น จึงต้องการชวนให้นำสภาพคล่องมาลงทุนระยะยาวผ่านกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ เพราะเป็นกองทุนของรัฐบาลบริหาร จึงมีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสมกับการนำสภาพคล่องการลงทุน ดังนั้น จึงอยากให้ คปภ. ส่งเสริมให้บริษัทประกันเข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าว เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการเกี่ยวกับผลตอบแทนของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) คาดว่าจะเริ่มออกกองทุนเพื่อจำหน่ายให้กับนักลงทุนได้ในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า.