น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีมติเห็นชอบผ่านพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน (Paymemt System Act) ซึ่งจะเป็นกฎหมายใหม่ในการกำกับดูแลระบบการชำระเงินของประเทศที่ทันสมัย และครอบคลุมการทำธุรกรรมทางการชำระเงินในทุกประเภท ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางไปสู่การชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์และการใช้นวัตกรรมในระบบการโอนชำระเงิน โดยขณะนี้ พ.ร.บ.ดังกล่าวอยู่ระหว่างรอลงในราชกิจจานุเษกษา และกฎหมายจะมีผลบังคับภายใน 180 วันหลังจากลงในราชกิจจานุเษกษาแล้ว
“เมื่อ สนช.ผ่าน พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน และมีผลบังคับใช้แล้ว ผู้ประกอบการที่เคยได้ใบอนุญาตการประกอบกิจการการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้กฎหมายเดิม ทั้งที่เป็นระบบกลางในการโอนเงิน และผู้ประกอบการจะไม่สามารถใช้ใบอนุญาตเดิมในการประกอบธุรกิจต่อไปได้ จะต้องขอใบอนุญาตใหม่เพื่อประกอบกิจการ โดยใบอนุญาตใหม่ดังกล่าวจะเป็นอำนาจของ รมว.คลัง เป็นผู้อนุญาต ซึ่งจากการหารือกับผู้ประกอบการ ธปท.ได้กำหนดให้ผู้ให้บริการรายเดิม ซึ่งมีทั้งสิ้น 111 ราย สามารถยื่นขอรับใบอนุญาตใหม่ หรือขอขึ้นทะเบียนการให้บริการในกรณีของฟินเทค ภายใน 120 วัน นับจากวันที่ร่าง พ.ร.บ.มีผลใช้บังคับ ซึ่งเห็นว่า จะมีเวลาในการเตรียมตัวและยื่นเอกสารใหม่ 300 วัน ซึ่งน่าจะเพียงพอ หากครบ 120 วันไม่ยื่นใหม่จะไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้”
สำหรับสาระสำคัญในร่าง พ.ร.บ.ระบบการชำระเงินใหม่ จะครอบคลุมใน 5 ด้าน คือ 1.การกำกับดูแลการให้บริหารความเสี่ยงและดูแลด้านความปลอดภัย 2.ดูแลด้านความมั่นคงทางการเงินของผู้ประกอบการ 3.กำกับดูแลด้านธรรมาภิบาลทั้งขององค์กรและผู้บริหาร 4.การคุ้มครองผู้ใช้บริการ และ 5.การดูแลให้เกิดการแข่งขันของผู้ประกอบการอย่างเท่าเทียม.