ป.ป.ช. ขีดเส้น “พาณิชย์” 15 วัน ต้องส่งเอกสารหลักฐานการขายมันเส้นจีทูจี ปี 54 ทั้งหมด หลังพบมีการทุจริต จนรัฐเสียหาย จ่อนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการไต่สวน ก่อนชงชุดใหญ่ชี้มูล...
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเอกสารการอนุมัติขายมันสำปะหลังเส้นในสต็อกรัฐบาลเมื่อปี 54 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดส่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากที่ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบพบว่า มีการทุจริตในการขายมันสำปะหลังแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับจีน แต่ไม่ได้ส่งออกจริง กลับนำมาเวียนขายในประเทศ ทำให้รัฐเสียหายมูลค่ามหาศาล โดย ป.ป.ช.ให้เวลาในการจัดส่งเอกสารภายใน 15 วัน
สำหรับข้อมูลเอกสารที่ ป.ป.ช.ต้องการ ได้แก่ ข้อมูลเอกสารการอนุมัติขายจีทูจีมันสำปะหลังทั้งหมด ทั้งขั้นตอนการขาย วิธีการขาย โดยเฉพาะบริษัทจากจีน เป็นบริษัทที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีนให้เป็นผู้มาซื้อมันสำปะหลังจริงหรือไม่ และบริษัทไทยที่เข้ามาเป็นคู่สัญญาในการขายมันจีทูจีกับบริษัทจีนเป็นบริษัทอะไร กรรมการผู้มีอำนาจคือใคร รวมถึงขั้นตอนหลังจากการขายจีทูจีมันไปแล้ว มีการดำเนินการอย่างไรบ้าง โดยขอให้จัดส่งเอกสารหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อประกอบการพิจารณา
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนของ ป.ป.ช. เมื่อได้รับเอกสารหลักฐานทั้งหมดแล้ว จะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อพิจารณาว่าจะรับเรื่องตรวจสอบการทุจริตหรือไม่ หากรับไว้ จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาชี้มูล และตั้งข้อกล่าวหากับผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทุจริตต่อไป ซึ่งจะมีทั้งบริษัทเอกชนที่เป็นตัวการในการทุจริต รวมถึงข้าราชการ และนักการเมืองที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
สำหรับการทุจริตขายจีทูจีมันสำปะหลัง ทาง ป.ป.ช.ยังได้ตรวจสอบพบว่า กระทรวงพาณิชย์ในสมัยนั้น ได้ขายมันสำปะหลังให้กับบริษัทของจีนปริมาณ 400,000 ตัน มูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่บริษัทจากจีนที่ได้มาซื้อมันสำปะหลังดังกล่าว ไม่ได้เป็นบริษัทที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีน ไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ทั้งๆ ที่ตามหลักการซื้อขายสินค้าแบบจีทูจีกับจีน ต้องเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน เช่น คอฟโก หรือบริษัทที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลจีนเท่านั้น และในการทำสัญญาซื้อขายได้ใช้วิธีการขายหน้าโกดัง (เอ็กซ์ แวร์เฮ้าส์) โดยบริษัทจีนได้มอบอำนาจให้บริษัทไทยรายหนึ่งเป็นผู้ขนสินค้าออกจากโกดัง ปรับปรุงและส่งออกแทน โดยที่มันสำปะหลังไม่ได้นำไปส่งออกจริง แต่ถูกนำไปขายในประเทศ เพื่อทำกำไร เพราะราคาซื้อจากสต็อกรัฐบาลกิโลกรัม (กก.) ละ 4-5 บาท แต่ราคาตลาดขณะนั้น กก.ละ 8 บาท
นอกจากนี้ บริษัทไทยรายดังกล่าว ยังได้ดำเนินการขนย้ายมันสำปะหลังออกจากโกดังรัฐบาล หลังจาก L/C ที่จีนเปิดมาหมดอายุแล้ว เท่ากับบริษัทนี้ขนย้ายมันออกจากโกดังโดยไม่ได้จ่ายให้กับรัฐ โดยสามารถขนย้ายมันออกจากโกดังได้ 100,000 ตัน มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท เมื่อกรมการค้าต่างประเทศทราบเรื่อง ได้สั่งให้หยุดขนย้ายทันที ทำให้เอกชนรายนี้ไม่พอใจ และได้ฟ้องร้องกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวหาว่าขายมันสำปะหลังไม่ตรงตามสัญญา แต่กรมการค้าต่างประเทศได้แจ้งความดำเนินคดีกลับ และเรียกค่าเสียหายรวมทั้งหมด 3,000 ล้านบาท.